ออมสินตั้งเงื่อนไขปล่อยกู้ ธ.ก.ส.จำนำข้าวดอกเบี้ย 4%ยันต้องไม่เสียประโยชน์จากสภาพคล่องที่ให้กู้ เผยสภาพคล่อง 6 หมื่นล้านบาทต้องสำรองเงินสด 4 หมื่นล้านบาทตามกฎหมายเหลือปล่อยกู้ให้ ธ.ก.ส.แค่ 2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารมีความพร้อมในการปล่อยกู้ในกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับ ธ.ก.ส.ใช้ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายของรัฐบาล แต่ในขณะนี้ธนาคารออมสินยังไม่ได้มีการหารืออย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งหากมีการร้องขอมาธนาคารก็พร้อมที่จะเจรจาเงื่อนไขรายละเอียดและข้อตกลงในการปล่อยกู้ในครั้งนี้
โดยการปล่อยกู้ให้กับ ธ.ก.ส.นั้นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ธนาคารออมสินจะไม่เสียประโยชน์จากการปล่อยกู้สภาพคล่องส่วนเกิน ซึ่งรัฐบาลจะต้องค้ำประกันอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำให้กับธนาคารในระดับ 4.0 % เนื่องจากในปัจจุบันธนาคารได้รับดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้สภาพคล่องส่วนเกินในตลาดพันธบัตรอายุ 1 วัน(R/P) ที่ระดับ 3.75%
"เราพร้อมช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้กับธนาคารของรัฐด้วยกันแต่ในการกู้ยืมระหว่างแบงก์ก็ต้องมีขั้นตอนการดำเนินงานซึ่งยังไม่มีการหารือในขณะนี้ อีกทั้งในการปล่อยกู้โดยนำสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารออมสินที่มีอยู่จะต้องไม่ให้เสียประโยชน์" นายเลอศักดิ์กล่าว
นายเลอศักดิ์กล่าวต่อว่า สภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารในปัจจุบันมีเหลืออยู่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท แต่ตามระเบียบของธนาคารได้กำหนดให้ธนาคารต้องสำรองเงินสดไว้ในอัตราส่วน 6% ของเงินฝาก หรือคิดเป็นเงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ดังนั้น เมื่อหักส่วนที่ต้องสำรองเงินสดไว้แล้วธนาคารจะมีสภาพคล่องสำหรับให้ ธ.ก.ส.กู้ไปใช่ในโครงการรับจำนำข้าวประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ จากการพิจารณาข้อมูลจะพบว่า ธ.ก.ส.ยังมีสภาพคล่องที่เพียงพอในการดำเนินงานของ ธ.ก.ส.อยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนที่ขาดก็เป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้นเพราะมีการหมุนเวียนเงินเข้าออกอยู่ตลอดเวลา และในส่วนของธนาคารออมสินเองหากรัฐบาลต้องการให้เข้าไปช่วยเหลือดูแลเกษตรกรหรือชาวนาแล้วธนาคารก็พร้อมที่จะดำเนินการแต่ต้องมีขอบเขตการดำเนินงานที่ชัดเจนและอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติธนาคารออมสิน
"การปล่อยกู้ให้ธ.ก.ส.ก็ดำเนินการตามขั้นตอนปกติวิเคราะห์ฐานะผู้กู้และดูความเหมาะสมรวมทั้งรายละเอียดทุกด้าน ซึ่งการปล่อยกู้ในส่วนนี้จะแยกออกจากพอร์ตสินเชื่อปกติของธนาคาร แต่อย่างไรก็ตามต้องขอพิจารณารายละเอียดของการปล่อยกู้ทั้งหมดอีกครั้งก่อนดำเนินการ" นายเลอศักดิ์กล่าว
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารมีความพร้อมในการปล่อยกู้ในกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับ ธ.ก.ส.ใช้ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายของรัฐบาล แต่ในขณะนี้ธนาคารออมสินยังไม่ได้มีการหารืออย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งหากมีการร้องขอมาธนาคารก็พร้อมที่จะเจรจาเงื่อนไขรายละเอียดและข้อตกลงในการปล่อยกู้ในครั้งนี้
โดยการปล่อยกู้ให้กับ ธ.ก.ส.นั้นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ธนาคารออมสินจะไม่เสียประโยชน์จากการปล่อยกู้สภาพคล่องส่วนเกิน ซึ่งรัฐบาลจะต้องค้ำประกันอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำให้กับธนาคารในระดับ 4.0 % เนื่องจากในปัจจุบันธนาคารได้รับดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้สภาพคล่องส่วนเกินในตลาดพันธบัตรอายุ 1 วัน(R/P) ที่ระดับ 3.75%
"เราพร้อมช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้กับธนาคารของรัฐด้วยกันแต่ในการกู้ยืมระหว่างแบงก์ก็ต้องมีขั้นตอนการดำเนินงานซึ่งยังไม่มีการหารือในขณะนี้ อีกทั้งในการปล่อยกู้โดยนำสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารออมสินที่มีอยู่จะต้องไม่ให้เสียประโยชน์" นายเลอศักดิ์กล่าว
นายเลอศักดิ์กล่าวต่อว่า สภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารในปัจจุบันมีเหลืออยู่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท แต่ตามระเบียบของธนาคารได้กำหนดให้ธนาคารต้องสำรองเงินสดไว้ในอัตราส่วน 6% ของเงินฝาก หรือคิดเป็นเงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ดังนั้น เมื่อหักส่วนที่ต้องสำรองเงินสดไว้แล้วธนาคารจะมีสภาพคล่องสำหรับให้ ธ.ก.ส.กู้ไปใช่ในโครงการรับจำนำข้าวประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ จากการพิจารณาข้อมูลจะพบว่า ธ.ก.ส.ยังมีสภาพคล่องที่เพียงพอในการดำเนินงานของ ธ.ก.ส.อยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนที่ขาดก็เป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้นเพราะมีการหมุนเวียนเงินเข้าออกอยู่ตลอดเวลา และในส่วนของธนาคารออมสินเองหากรัฐบาลต้องการให้เข้าไปช่วยเหลือดูแลเกษตรกรหรือชาวนาแล้วธนาคารก็พร้อมที่จะดำเนินการแต่ต้องมีขอบเขตการดำเนินงานที่ชัดเจนและอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติธนาคารออมสิน
"การปล่อยกู้ให้ธ.ก.ส.ก็ดำเนินการตามขั้นตอนปกติวิเคราะห์ฐานะผู้กู้และดูความเหมาะสมรวมทั้งรายละเอียดทุกด้าน ซึ่งการปล่อยกู้ในส่วนนี้จะแยกออกจากพอร์ตสินเชื่อปกติของธนาคาร แต่อย่างไรก็ตามต้องขอพิจารณารายละเอียดของการปล่อยกู้ทั้งหมดอีกครั้งก่อนดำเนินการ" นายเลอศักดิ์กล่าว
