ไบเออร์ เชริงฯ ชี้ ตลาดเวชภัณฑ์ไทยขยายตัว 15% ติดอันดับหนึ่งในอาเซียน ชูไทยเป็นศูนย์กลางวิจัยคลินิกระดับโลก เร่งพัฒนาวิจัยยาสำหรับผู้สูงอายุ รับประชากรโตพรวดคิดเป็นสัดส่วน 20% ในปี 2568 ลั่น 2-3 ปี ส่งนวัตกรรมยากว่า 10 รายการ สิ้นปีโต 13-15%
นายคริส ลี หัวหน้าประจำภูมิภาค บริษัท ไบเออร์ เชริง ฟาร์มา เอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผยว่า ตลาดเวชภัณฑ์ในเอเชียแปซิฟิก มูลค่า 50,000 ล้านเหรียญ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 10-11% อย่างต่อเนื่อง โดยประเทศจีนเติบโตมากที่สุดตามด้วย เกาหลีใต้ อินเดีย และ ปากีสถาน ขณะที่เวียดนามเป็นประเทศที่กำลังเติบโตและน่าสนใจ สำหรับแผนยุทธศาสตร์การตลาดในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ บริษัทนำผลิตภัณฑ์นวัตกรรมมาบริการให้กับผู้ป่วยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้รวดเร็วขึ้น พร้อมกับกลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างกันแต่ละประเทศ
สำหรับตลาดเวชภัณฑ์ในไทย แม้ว่า ปีนี้ภายในประเทศจะมีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง แต่ไทยนับว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน หรือคิดเป็นสัดส่วน 26% จากมูลค่าตลาดรวมในอาเซียน 9,662 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นกว่า32 ล้านล้านบาท และไทยยังมีการเติบโต15% ขยายตัวสูงสุด เนื่องจากความต้องการทางการแพทย์ของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น โดยพบว่า ในปี พ.ศ.2568 ประชากร 20% จะเป็นกลุ่มผู้อายุเกิน 60 ปี และคนรุ่นใหม่ที่ต้องการผลิตภัณฑ์การรักษามีคุณภาพสูง
ขณะที่ตลาดที่มีขนาดใหญ่รองลงมา คือ ฟิลิปปินส์ 25% อินโดนีเซีย 25% เวียดนาม 8% มาเลเซีย และ ฮ่องกง มีส่วนแบ่งตลาด 6% เท่ากัน และสิงคโปร์ ที่มีส่วนแบ่งตลาด 4% และจากการที่ไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ บริษัทจึงวางให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยทางคลินิกระดับโลก ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เพื่อศึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านอายุรกรรมออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่นเดียวกับที่ลงทุนในประเทศแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา
ด้าน นายอูเว่ ดาลิโชว์ ผู้จัดการทั่วไป ไบเออร์ เชริง ฟาร์มา ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับแผนการตลาดในไทย บริษัทได้เตรียมเปิดตัวนวัตกรรมใหม่กว่า 10 รายการ ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเวชภัณฑ์ในการรักษาโรคทั่วไป กลุ่มเวชภัณฑ์ดูแลสุขภาพสตรี กลุ่มผลิตภัณฑ์รังสีวินิจฉัย และกลุ่มการรักษาโรคเฉพาะทาง ซึ่งจะประกอบด้วย ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดใหม่, ยายับยั้งการแข็งตัวของเลือดกลุ่มใหม่, ยารักษาโรคมะเร็งไต เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการไบเออร์ ประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา มากกว่า 180 ล้านยูโร หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 26,400 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าสิ้นปียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 13-15% อย่างไรก็ตามเป้าหมายของบริษัทต้องการก้าวเป็น 1 ใน 10 ของผู้นำในช่องทางโรงพยาบาลภายในปี 2555
นายคริส ลี หัวหน้าประจำภูมิภาค บริษัท ไบเออร์ เชริง ฟาร์มา เอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผยว่า ตลาดเวชภัณฑ์ในเอเชียแปซิฟิก มูลค่า 50,000 ล้านเหรียญ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 10-11% อย่างต่อเนื่อง โดยประเทศจีนเติบโตมากที่สุดตามด้วย เกาหลีใต้ อินเดีย และ ปากีสถาน ขณะที่เวียดนามเป็นประเทศที่กำลังเติบโตและน่าสนใจ สำหรับแผนยุทธศาสตร์การตลาดในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ บริษัทนำผลิตภัณฑ์นวัตกรรมมาบริการให้กับผู้ป่วยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้รวดเร็วขึ้น พร้อมกับกลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างกันแต่ละประเทศ
สำหรับตลาดเวชภัณฑ์ในไทย แม้ว่า ปีนี้ภายในประเทศจะมีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง แต่ไทยนับว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน หรือคิดเป็นสัดส่วน 26% จากมูลค่าตลาดรวมในอาเซียน 9,662 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นกว่า32 ล้านล้านบาท และไทยยังมีการเติบโต15% ขยายตัวสูงสุด เนื่องจากความต้องการทางการแพทย์ของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น โดยพบว่า ในปี พ.ศ.2568 ประชากร 20% จะเป็นกลุ่มผู้อายุเกิน 60 ปี และคนรุ่นใหม่ที่ต้องการผลิตภัณฑ์การรักษามีคุณภาพสูง
ขณะที่ตลาดที่มีขนาดใหญ่รองลงมา คือ ฟิลิปปินส์ 25% อินโดนีเซีย 25% เวียดนาม 8% มาเลเซีย และ ฮ่องกง มีส่วนแบ่งตลาด 6% เท่ากัน และสิงคโปร์ ที่มีส่วนแบ่งตลาด 4% และจากการที่ไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ บริษัทจึงวางให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยทางคลินิกระดับโลก ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เพื่อศึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านอายุรกรรมออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่นเดียวกับที่ลงทุนในประเทศแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา
ด้าน นายอูเว่ ดาลิโชว์ ผู้จัดการทั่วไป ไบเออร์ เชริง ฟาร์มา ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับแผนการตลาดในไทย บริษัทได้เตรียมเปิดตัวนวัตกรรมใหม่กว่า 10 รายการ ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเวชภัณฑ์ในการรักษาโรคทั่วไป กลุ่มเวชภัณฑ์ดูแลสุขภาพสตรี กลุ่มผลิตภัณฑ์รังสีวินิจฉัย และกลุ่มการรักษาโรคเฉพาะทาง ซึ่งจะประกอบด้วย ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดใหม่, ยายับยั้งการแข็งตัวของเลือดกลุ่มใหม่, ยารักษาโรคมะเร็งไต เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการไบเออร์ ประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา มากกว่า 180 ล้านยูโร หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 26,400 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าสิ้นปียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 13-15% อย่างไรก็ตามเป้าหมายของบริษัทต้องการก้าวเป็น 1 ใน 10 ของผู้นำในช่องทางโรงพยาบาลภายในปี 2555