เอกชนผู้สนับสนุนภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ฉะรัฐบาลไม่จริงใจช่วยเหลือ ให้อินเซนทีฟกองถ่ายหนังจากต่างประเทศ แม้เรื่องจะผ่าน ครม.มาหลายเดือนแล้วแต่ก็เงียบหาย ระบุ หน่วยงานรัฐขาดการประสานงานและบูรณาการร่วมกัน เป็นเหตุไทยเสียโอกาสโกยรายได้ ชี้รัฐบาลจีนเริ่มตื่นตัว ดึงกองถ่ายหนังต่างชาติโกยรายได้เข้าประเทศ
นางศศิสุภา สังวริบุตร นายกสมาคมผู้สนับสนุนภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายประเทศเริ่มตื่นตัวที่จะดึงกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ เข้าไปถ่ายทำในประเทศของตนเองมากขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมนี้จะสร้างรายได้เข้าประเทศได้เป็นกอบเป็นกำ และยังต่อเนื่องไปถึงธุรกิจให้บริการพี-โพสต์ โปรดักส์ชั่น รวมถึงประโยชน์ทางอ้อมในเรื่องของการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว
ล่าสุด รัฐบาลจีนเริ่มเห็นความสำคัญของการถ่ายทำภาพยนตร์จากกองถ่ายทำที่มาจากต่างประเทศ จึงเริ่มมีการให้อินเซนทีฟในรูปแบบด่าง อาทิ การลดภาษี การมอบสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ตามที่ทางกองถ่ายทำจะยื่นเสนอมา ซึ่งเราต้องยอมรับว่าหากรัฐบาลจีนสนใจธุรกิจใด เขาก็จะทุ่มเทจึงถือเป็นคู่แข่งขันที่น่ากลัว ขณะที่ประเทศออสเตรเลีย ก็ลดภาษีให้แก่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศสูงถึง 40% เป็นต้น
แต่สำหรับประเทศไทย มองว่า รัฐบาลยังไม่เห็นความสำคัญของธุรกิจนี้เท่าที่ควร ทำให้การพิจารณาให้อินเซนทีฟ เพื่อสร้างแรงดึงดูดกองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศล่าช้ามาก ทั้งที่ภาคเอกชนได้ยื่นเสนอถึงความจำเป็นมาหลายรัฐบาลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปใดที่เป็นรูปธรรม
ปัจจุบันนี้ธุรกิจสนับสนุนภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยที่อยู่ได้ และสร้างรายได้เข้าประเทศปีละมากกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งที่น่าจะได้มากกว่านี้เป็นเท่าตัว เป็นเพราะประเทศไทยมีโลเกชันที่สวยงาม และหลายหลาย ประกอบกับการบริการที่ดี จึงมีกองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศมาใช้บริการ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า ธุรกิจไม่เติบโตเท่าที่ควรจะเป็น เพราะไทยยังขาดเรื่องของอินเซนทีฟ ที่ขณะนี้ถือเป็นปัจจัยหลัก ที่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต้องคำนึงถึง เพราะสามารถลดต้นทุนการผลิตได้โดยไม่กระทบคุณภาพ
นางศศิสุภา กล่าวว่า ยังมีข้อดีว่า อุตสาหกรรมนี้ ภาคเอกชนมีการรวมตัวกันดี เพื่อแข่งขันกับต่างประเทศอย่างจริงจัง แต่ก็เป็นเพียงการดิ้นรนของภาคเอกชนเท่านั้น ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างจริงจังเหมือนว่ารัฐไม่เห็นความสำคัญว่าเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เข้าประเทศเช่นกัน ซึ่งต่างจากประเทศอื่นๆ
“เข้าใจว่า เรื่องการพิจารณาลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้แก่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแล้ว ขณะนี้เรื่องอยู่ที่กระทรวงการคลังนำไปศึกษาและจัดทำ แต่หลายเดือนแล้วก็ยังไม่คืบหน้า ขณะที่คู่แข่งขัน ต่างรุกหนัก ที่จะชูบริการและอินเซนทีฟเป็นข้อต่อรอง ให้กองถ่ายทำภาพยนตร์ตัดสินใจ ตรงนี้ ทำให้ไทยเสียโอกาสทางการแข่งขัน และเสียโอกาสด้านรายได้เข้าประเทศด้วย”
อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ มองว่า เกิดจากความล่าช้าในกระบวนการทำงานของภาครัฐ และขาดการบูรณาการกับระหว่างหน่วยงานรัฐ ซึ่งต้องแก้ไขทั้งระบบ เพราะธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์อยู่ในความดูแลของหลายกระทรวง
นางศศิสุภา สังวริบุตร นายกสมาคมผู้สนับสนุนภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายประเทศเริ่มตื่นตัวที่จะดึงกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ เข้าไปถ่ายทำในประเทศของตนเองมากขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมนี้จะสร้างรายได้เข้าประเทศได้เป็นกอบเป็นกำ และยังต่อเนื่องไปถึงธุรกิจให้บริการพี-โพสต์ โปรดักส์ชั่น รวมถึงประโยชน์ทางอ้อมในเรื่องของการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว
ล่าสุด รัฐบาลจีนเริ่มเห็นความสำคัญของการถ่ายทำภาพยนตร์จากกองถ่ายทำที่มาจากต่างประเทศ จึงเริ่มมีการให้อินเซนทีฟในรูปแบบด่าง อาทิ การลดภาษี การมอบสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ตามที่ทางกองถ่ายทำจะยื่นเสนอมา ซึ่งเราต้องยอมรับว่าหากรัฐบาลจีนสนใจธุรกิจใด เขาก็จะทุ่มเทจึงถือเป็นคู่แข่งขันที่น่ากลัว ขณะที่ประเทศออสเตรเลีย ก็ลดภาษีให้แก่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศสูงถึง 40% เป็นต้น
แต่สำหรับประเทศไทย มองว่า รัฐบาลยังไม่เห็นความสำคัญของธุรกิจนี้เท่าที่ควร ทำให้การพิจารณาให้อินเซนทีฟ เพื่อสร้างแรงดึงดูดกองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศล่าช้ามาก ทั้งที่ภาคเอกชนได้ยื่นเสนอถึงความจำเป็นมาหลายรัฐบาลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปใดที่เป็นรูปธรรม
ปัจจุบันนี้ธุรกิจสนับสนุนภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยที่อยู่ได้ และสร้างรายได้เข้าประเทศปีละมากกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งที่น่าจะได้มากกว่านี้เป็นเท่าตัว เป็นเพราะประเทศไทยมีโลเกชันที่สวยงาม และหลายหลาย ประกอบกับการบริการที่ดี จึงมีกองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศมาใช้บริการ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า ธุรกิจไม่เติบโตเท่าที่ควรจะเป็น เพราะไทยยังขาดเรื่องของอินเซนทีฟ ที่ขณะนี้ถือเป็นปัจจัยหลัก ที่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต้องคำนึงถึง เพราะสามารถลดต้นทุนการผลิตได้โดยไม่กระทบคุณภาพ
นางศศิสุภา กล่าวว่า ยังมีข้อดีว่า อุตสาหกรรมนี้ ภาคเอกชนมีการรวมตัวกันดี เพื่อแข่งขันกับต่างประเทศอย่างจริงจัง แต่ก็เป็นเพียงการดิ้นรนของภาคเอกชนเท่านั้น ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างจริงจังเหมือนว่ารัฐไม่เห็นความสำคัญว่าเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เข้าประเทศเช่นกัน ซึ่งต่างจากประเทศอื่นๆ
“เข้าใจว่า เรื่องการพิจารณาลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้แก่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแล้ว ขณะนี้เรื่องอยู่ที่กระทรวงการคลังนำไปศึกษาและจัดทำ แต่หลายเดือนแล้วก็ยังไม่คืบหน้า ขณะที่คู่แข่งขัน ต่างรุกหนัก ที่จะชูบริการและอินเซนทีฟเป็นข้อต่อรอง ให้กองถ่ายทำภาพยนตร์ตัดสินใจ ตรงนี้ ทำให้ไทยเสียโอกาสทางการแข่งขัน และเสียโอกาสด้านรายได้เข้าประเทศด้วย”
อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ มองว่า เกิดจากความล่าช้าในกระบวนการทำงานของภาครัฐ และขาดการบูรณาการกับระหว่างหน่วยงานรัฐ ซึ่งต้องแก้ไขทั้งระบบ เพราะธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์อยู่ในความดูแลของหลายกระทรวง