ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ขนส่งเชียงใหม่แจงเลื่อนกำหนดถ่ายโอนสถานีขนส่งผู้โดยสารให้เทศบาลนครเชียงใหม่ดูแลไปเป็น 30 ม.ค.52 เนื่องจากโครงการก่อสร้างห้องน้ำคนพิการที่ใช้งบประมาณของกรมการขนส่งทางบกยังไม่แล้วเสร็จ ขณะเดียวกันผุดไอเดียหนุนสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 3 อาคารปรับอากาศทั้งหลัง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร รองรับการพัฒนาเมืองเชียงใหม่
นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้าการถ่ายโอนสถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่แห่งที่ 1 และแห่งที่ 2 (อาเขต) ให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครเชียงใหม่ ว่า เดิมได้กำหนดที่จะถ่ายโอนให้แล้วเสร็จในวันที่ 30 ก.ย.51 แต่เนื่องจากได้มีการเสนอโครงการก่อสร้างห้องน้ำ สำหรับคนพิการภายในสถานีขนส่งทั้ง 2 แห่ง งบประมาณราว 2 ล้านบาท ซึ่งใช้งบประมาณของกรมการขนส่งทางบกและได้รับการอนุมัติแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการขยายกำหนดการถ่ายโอนเป็นในวันที่ 30 ม.ค.52 ทั้งนี้เพื่อไม่ให้งบประมาณดังกล่าวต้องตกไป โดยจะรอให้การก่อสร้างแล้วเสร็จเสียก่อน ซึ่งจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
สำหรับการถ่ายโอนสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 2 แห่ง ไปอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครเชียงใหม่นั้น นายอัฌษไธค์ กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอนการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเมื่อถ่ายโอนแล้วทางเทศบาลนครเชียงใหม่จะมีความรับผิดชอบดูแลตัวอาคารและพื้นที่ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งการจัดเก็บรายได้ของสถานีขนส่งทั้งหมด
ในส่วนของการดูแลเกี่ยวกับการเดินรถ ยังคงเป็นหน้าที่ของสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่เช่นเดิม ส่วนบุคลากรของสถานีขนส่งนั้น หากเป็นข้าราชการก็ยังคงสังกัดกรมการขนส่งทางบก แต่ในส่วนของลูกจ้างที่ทำหน้าที่ต่างๆ ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ จะต้องเป็นผู้จ้าง
ทั้งนี้ การจัดเก็บรายได้ของสถานีขนส่งผู้โดยสารดังกล่าว ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือ อาเขต สามารถจัดเก็บรายได้ได้ประมาณปีละ 2-3 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ารายจ่ายทั้งหมดของสถานีขนส่งโดยที่ยังไม่รวมเงินเดือนข้าราชการและค่าจ้างลูกจ้างของสถานี ทำให้ต้องรับการสนับสนุนงบประมาณจากทางกรมการขนส่งมาใช้ในการพัฒนา
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า หากเทศบาลนครเชียงใหม่ เข้ามารับผิดชอบบริหารจัดการอาจจะสามารถจัดเก็บรายได้ได้เพิ่มขึ้นก็เป็นได้ เช่น การเก็บค่าจอดรถยนต์ส่วนตัว เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่มีการทำในปัจจุบันเพราะไม่ได้เป็นนโยบายของกรมการขนส่งทางบก
นอกจากนี้ นายอัฌษไธค์ เสนอแนวความคิดว่า เชียงใหม่ควรจะมีการผลักดันให้มีสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 3 ซึ่งเป็นสถานีขนส่งปรับอากาศ รวมทั้งมีการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม เป็นต้น ตลอดจนมีการเชื่อมโยงกับระบบการขนส่งอื่นๆ ทั้งทางเครื่องบินและรถไฟ ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของจังหวัดเชียงใหม่
ขณะนี้ทราบว่าทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการตั้งงบประมาณเพื่อศึกษาในเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นผลดีต่อจังหวัดเชียงใหม่ สำหรับที่ตั้งควรจะอยู่ที่ใดนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่าน่าจะอยู่บนถนนเชียงใหม่-ลำปาง อย่างไรก็ตาม การพิจารณาความเหมาะสมต้องขึ้นอยู่กับผลการศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง
นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้าการถ่ายโอนสถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่แห่งที่ 1 และแห่งที่ 2 (อาเขต) ให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครเชียงใหม่ ว่า เดิมได้กำหนดที่จะถ่ายโอนให้แล้วเสร็จในวันที่ 30 ก.ย.51 แต่เนื่องจากได้มีการเสนอโครงการก่อสร้างห้องน้ำ สำหรับคนพิการภายในสถานีขนส่งทั้ง 2 แห่ง งบประมาณราว 2 ล้านบาท ซึ่งใช้งบประมาณของกรมการขนส่งทางบกและได้รับการอนุมัติแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการขยายกำหนดการถ่ายโอนเป็นในวันที่ 30 ม.ค.52 ทั้งนี้เพื่อไม่ให้งบประมาณดังกล่าวต้องตกไป โดยจะรอให้การก่อสร้างแล้วเสร็จเสียก่อน ซึ่งจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
สำหรับการถ่ายโอนสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 2 แห่ง ไปอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครเชียงใหม่นั้น นายอัฌษไธค์ กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอนการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเมื่อถ่ายโอนแล้วทางเทศบาลนครเชียงใหม่จะมีความรับผิดชอบดูแลตัวอาคารและพื้นที่ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งการจัดเก็บรายได้ของสถานีขนส่งทั้งหมด
ในส่วนของการดูแลเกี่ยวกับการเดินรถ ยังคงเป็นหน้าที่ของสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่เช่นเดิม ส่วนบุคลากรของสถานีขนส่งนั้น หากเป็นข้าราชการก็ยังคงสังกัดกรมการขนส่งทางบก แต่ในส่วนของลูกจ้างที่ทำหน้าที่ต่างๆ ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ จะต้องเป็นผู้จ้าง
ทั้งนี้ การจัดเก็บรายได้ของสถานีขนส่งผู้โดยสารดังกล่าว ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือ อาเขต สามารถจัดเก็บรายได้ได้ประมาณปีละ 2-3 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ารายจ่ายทั้งหมดของสถานีขนส่งโดยที่ยังไม่รวมเงินเดือนข้าราชการและค่าจ้างลูกจ้างของสถานี ทำให้ต้องรับการสนับสนุนงบประมาณจากทางกรมการขนส่งมาใช้ในการพัฒนา
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า หากเทศบาลนครเชียงใหม่ เข้ามารับผิดชอบบริหารจัดการอาจจะสามารถจัดเก็บรายได้ได้เพิ่มขึ้นก็เป็นได้ เช่น การเก็บค่าจอดรถยนต์ส่วนตัว เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่มีการทำในปัจจุบันเพราะไม่ได้เป็นนโยบายของกรมการขนส่งทางบก
นอกจากนี้ นายอัฌษไธค์ เสนอแนวความคิดว่า เชียงใหม่ควรจะมีการผลักดันให้มีสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 3 ซึ่งเป็นสถานีขนส่งปรับอากาศ รวมทั้งมีการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม เป็นต้น ตลอดจนมีการเชื่อมโยงกับระบบการขนส่งอื่นๆ ทั้งทางเครื่องบินและรถไฟ ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของจังหวัดเชียงใหม่
ขณะนี้ทราบว่าทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการตั้งงบประมาณเพื่อศึกษาในเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นผลดีต่อจังหวัดเชียงใหม่ สำหรับที่ตั้งควรจะอยู่ที่ใดนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่าน่าจะอยู่บนถนนเชียงใหม่-ลำปาง อย่างไรก็ตาม การพิจารณาความเหมาะสมต้องขึ้นอยู่กับผลการศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง
