ซีพี-เมจิ หวั่นยอดขายนทเดือนกันยายนลดลง 300 ล้านบาท เหตุปรับราคาขึ้น ผู้บริโภคอาจชะลอการซื้อ เผย หลังราคาน้ำมันเริ่มลดลงเตรียมจัดโปรโมชันลดราคา แต่ทำแค่ 2 เดือนก่อน พร้อมขยายตลาดส่งออกไปทีมาเลเซีย
นายไพศาล จงบัญญัติเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาตลอด ซึ่งบริษัทได้ทำการขอปรับราคาจำหน่ายขึ้นในส่วนของนมพาสเจอรไรซ์ และได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ได้ทยอยปรับราคานมพาสเจอร์ไรซ์ทุกขนาดเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5% หรือประมาณ 1-3 บาท เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ราคาที่ปรับสูงขึ้นนี้เองอาจทำให้ยอดขายเดือนกันยายนลดลงบ้าง 10% หรือประมาณ 300 ล้านบาท แต่มั่นใจว่า จะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้นประมาณ 1 เดือน เพราะผู้บริโภคอาจะเกิดภาวะช็อกเล็กน้อย และคาดว่า เป้าหมายที่จะมียอดขายเติบโต 20% หรือมียอดขายรวม 3,500 ล้านบาท ในปีนี้ไม่น่ามีปัญหาจะทำได้ตามแผน โดยแบ่งสัดส่วนยอดขายมาจากนมพาสเจอร์ไรซ์ 70% และนมเปรี้ยว 30%
แต่จากสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลงมาเรื่อยๆ นี้ ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งของบริษัทลดลงมาอยู่ในระดับเดิม ก่อนที่ราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นบริษัทฯจึงวางแผนที่จะทำโปรโมชั่นลดราคาจำหน่ายนมพาสเจอร์ไรซ์เมจิ ลงประมาณ 5% โดยใช้งบประมาณด้านนี้กว่า 50 ล้านบาท มีระยะเวลาโปรโมชั่นเบื้องต้น 2 เดือน เริ่มเดือนตุลาคมนี้
“ต้นทุนค่าขนส่งของบริษัทฯก่อนหน้านี้มีสัดส่วนเป็น 60% ของต้นทุนทั้งหมด แต่ได้เพิ่มเป็น 80% ในช่วงที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก แต่ตอนนี้ต้นทุนด้านน้ำมันขยับลดลงไปใกล้กับจุดเดิมแล้ว ทำให้สามารถที่จะหันมาทำโปรโมชั่นด้านราคาได้ แต่การที่บริษัทฯไม่ลดราคาลงมาเป็นการถาวรนั้นก็เพราะว่าไม่รู้ว่าราคาน้ำมันจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกมากน้อยเท่าใด เพราะยังมีความผันผวนตลอด”
ส่วนตลาดส่งออกของนมเมจินั้น นายไพศาล กล่าวว่า อยู่ระหว่างการขยายตลาดเพิ่มอีก คาดว่าในปลายปีนี้จะส่งออกไปตลาดใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการตามขั้นตอนของการขอฮาลาล โดยวางเป้าหมายยอดขายในมาเลเซียปีแรกประมาณ 100 ล้านบาท จากเดิมปัจจุบันบริษัททำตลาดส่งออกแล้วที่ประเทศสิงค์โปร์
นายไพศาล จงบัญญัติเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาตลอด ซึ่งบริษัทได้ทำการขอปรับราคาจำหน่ายขึ้นในส่วนของนมพาสเจอรไรซ์ และได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ได้ทยอยปรับราคานมพาสเจอร์ไรซ์ทุกขนาดเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5% หรือประมาณ 1-3 บาท เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ราคาที่ปรับสูงขึ้นนี้เองอาจทำให้ยอดขายเดือนกันยายนลดลงบ้าง 10% หรือประมาณ 300 ล้านบาท แต่มั่นใจว่า จะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้นประมาณ 1 เดือน เพราะผู้บริโภคอาจะเกิดภาวะช็อกเล็กน้อย และคาดว่า เป้าหมายที่จะมียอดขายเติบโต 20% หรือมียอดขายรวม 3,500 ล้านบาท ในปีนี้ไม่น่ามีปัญหาจะทำได้ตามแผน โดยแบ่งสัดส่วนยอดขายมาจากนมพาสเจอร์ไรซ์ 70% และนมเปรี้ยว 30%
แต่จากสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลงมาเรื่อยๆ นี้ ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งของบริษัทลดลงมาอยู่ในระดับเดิม ก่อนที่ราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นบริษัทฯจึงวางแผนที่จะทำโปรโมชั่นลดราคาจำหน่ายนมพาสเจอร์ไรซ์เมจิ ลงประมาณ 5% โดยใช้งบประมาณด้านนี้กว่า 50 ล้านบาท มีระยะเวลาโปรโมชั่นเบื้องต้น 2 เดือน เริ่มเดือนตุลาคมนี้
“ต้นทุนค่าขนส่งของบริษัทฯก่อนหน้านี้มีสัดส่วนเป็น 60% ของต้นทุนทั้งหมด แต่ได้เพิ่มเป็น 80% ในช่วงที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก แต่ตอนนี้ต้นทุนด้านน้ำมันขยับลดลงไปใกล้กับจุดเดิมแล้ว ทำให้สามารถที่จะหันมาทำโปรโมชั่นด้านราคาได้ แต่การที่บริษัทฯไม่ลดราคาลงมาเป็นการถาวรนั้นก็เพราะว่าไม่รู้ว่าราคาน้ำมันจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกมากน้อยเท่าใด เพราะยังมีความผันผวนตลอด”
ส่วนตลาดส่งออกของนมเมจินั้น นายไพศาล กล่าวว่า อยู่ระหว่างการขยายตลาดเพิ่มอีก คาดว่าในปลายปีนี้จะส่งออกไปตลาดใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการตามขั้นตอนของการขอฮาลาล โดยวางเป้าหมายยอดขายในมาเลเซียปีแรกประมาณ 100 ล้านบาท จากเดิมปัจจุบันบริษัททำตลาดส่งออกแล้วที่ประเทศสิงค์โปร์