"เฟด" เข็นมาตรการฉุกเฉินรับมือวิกฤตศก.สหรัฐ หลังตลาดการเงินกำลังเข้าสู่จุดโคม่า โดยมีชนวนรอบใหม่จาก "เลห์แมนฯ บราเธอร์ส" ส่อเค้าล้มละลาย แม้จะร้องขอความคุ้มครองจากศาลฯ ไปแล้ว แต่คงไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ขณะที่ 10 แบงก์ยักษ์ใหญ่ของโลก ประกาศลงขันตั้งกองทุน 7 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อปล่อยกู้พยุงตลาดการเงิน
วันนี้ ( 15 ก.ย.) นายเบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศมาตรการ เพื่อบรรเทาความเสี่ยง ลดความผันผวนต่อตลาด ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับการล้มละลายของ เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิงส์ อิงค์ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ
ทั้งนี้ มาตรการที่สำคัญที่สุดของเฟดในครั้งนี้ คือการตัดสินใจยอมรับหลักทรัพย์เป็นสินทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ภายใต้ข้อตกลงสินเชื่อ Primary Dealer Credit Facility (PDCF) สำหรับวาณิชธนกิจต่างๆ ก่อนหน้านี้ สินทรัพย์ค้ำประกันสำหรับสินเชื่อ PDCF ได้ถูกจำกัดไว้เพียงตราสารหนี้ที่อยู่ในอันดับน่าลงทุนเท่านั้น
นอกจากนี้ เฟด กำลังมีการเพิ่มวงเงินสินเชื่อทั้งหมดของข้อเสนอภายใต้แผนการต่างหากที่จะให้กู้พันธบัตรกระทรวงการคลังเป็นมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ จากเดิม 1.75 แสนล้านดอลลาร์ และยังจะเริ่มจัดการประมูลเงินกู้ภายใต้โครงการ Term Securities Lending Facility ให้บ่อยครั้งมากขึ้น รวมทั้งเฟดจะอนุญาตเป็นการชั่วคราวให้สถาบันค้ำประกันเงินฝากให้ขยายกองทุนเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัทในเครือเพื่อซื้อสินทรัพย์ที่มักจะได้รับการยอมรับในข้อตกลงซื้อคืนพันธบัตร 3 ฝ่าย
รายงานระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะมีการอนุญาตจนถึง 30 ม.ค. 2552 เท่านั้น ซึ่งสะท้อนถึงความหวังของเฟดที่ว่าตลาดซื้อคืนพันธบัตรจะมีการดำเนินการเป็นปกติมากขึ้นในเวลานั้น
สำหรับการดำเนินการพิเศษของเฟดมีขึ้น ในขณะที่การเจรจาเพื่อหาผู้ซื้อกิจการเลห์แมนประสบความล้มเหลว หลังการหารือเป็นเวลา 3 วัน โดยธนาคารบาร์เคลย์สของอังกฤษที่เคยเป็นตัวเก็งในการเข้าเทคโอเวอร์กิจการเลห์แมนฯ ประกาศถอนตัวออกจากการเจรจา
มีรายงานล่าสุดว่า ธนาคารขนาดใหญ่ทั้ง 10 แห่งของโลก ได้แก่ ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, บาร์เคลย์ส, ซิตี้กรุ๊ป อิงก์, เครดิต สวิส กรุ๊ป, ดอยช์ แบงก์, โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงก์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, เมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค, มอร์แกน สแตนเลย์ และยูบีเอส เอจี ธนาคารยักษ์ใหญ่ 10 แห่งของโลกเห็นพ้องที่จะลงขันโดยจัดตั้งกองทุนวงเงิน 7 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทั่วโลกและลดความผันผวนของตลาดที่ผิดจากธรรมดา
ทั้งนี้ ธนาคารใดๆ ในบรรดา 10 แห่งนี้ จะได้รับอนุญาตให้กู้ยืมเงินมากถึง 1 ใน 3 ของวงเงินทั้งหมด และเงินในกองทุนดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นได้อีก ขณะที่ธนาคารแห่งอื่นๆ ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม
นอกจากนี้ ธนาคารเหล่านี้ยังเปิดเผยว่า พวกเขาร่วมมือกันเพื่อหา"ทางออกที่เป็นระเบียบ" ของการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ระหว่างวาณิชธนกิจเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิงส์ อิงก์ และบริษัทคู่ค้า โดยการดำเนินการดังกล่าวจะได้รับแรงหนุนจากการตัดสินใจของ "เฟด" ในการยอมรับสินทรัพย์ค้ำประกันหลากหลายประเภทเป็นครั้งแรกสำหรับการขอเงินกู้ฉุกเฉิน
ก่อนหน้านี้ เลห์แมนฯ แถลงว่า ทางบริษัทเตรียมยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอรับการพิทักษ์ทรัพย์จากภาวะล้มละลาย แต่การยื่นเรื่องตามมาตรา 11 ในครั้งนี้ไม่ได้รวมกิจการโบรกเกอร์-ดีลเลอร์ และกิจการแผนกอื่นๆ ซึ่งรวมถึงนอยเบอร์เกอร์ เบอร์แมน
ขณะนี้ เลห์แมนฯ อยู่ในระหว่างการพิจารณาขายกิจการโบรกเกอร์-ดีลเลอร์ และยังคงอยู่ในระหว่างการเจรจาขั้นคืบหน้ากับผู้สนใจหลายรายที่มีแนวโน้มซื้อแผนกจัดการการลงทุนของเลห์แมน
การล้มละลายในครั้งนี้ หมายถึงการปิดฉากของเลห์แมนที่มีอายุ 158 ปี โดยบริษัทไม่สามารถอยู่รอดได้ภายใต้ภาวะสินเชื่อหดตัวทั่วโลกในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าทางบริษัทเคยรอดพ้นจากสงครามโลก 2 ครั้ง และผ่านพ้นเหตุการณ์การล้มละลายของบริษัทลอง เทิร์ม แคปิตัล แมเนจเมนท์
โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนได้แสดงความกังวลต่อการที่เลห์แมนถือครองหลักทรัพย์มูลค่า 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสินทรัพย์และสัญญาจำนอง รวมทั้งกังวลกับอันดับความน่าเชื่อถือของเลห์แมนฯ และความสามารถในการระดมทุน
