ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาด ตลาดขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้ ซบเซาตามภาวะ ศก.โดยมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมัน และสถานการณ์ทางการเมือง ส่งผลต่ออารมณ์การจับจ่ายใช้สอย แนะผู้ประกอบการเพิ่มความหลากหลายของไส้ รสชาติ และควรมีหลายขนาด คาดมูลค่าประมาณ 450-500 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน
วันนี้ (12 ก.ย.) บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่า เทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 ก.ย.ในส่วนของตลาดขนมไหว้พระจันทร์จะไม่คึกคัก เพราะนอกจากภาวะเศรษฐกิจซึ่งยังคงถูกกดดันจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังมีปัจจัยลบจากสถานการณ์ด้านการเมืองที่ทวีความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น จนกระทบต่อเศรษฐกิจภาคต่างๆ รวมถึงกระทบต่ออารมณ์การจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชนที่ลดลง
จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลไปถึงผู้ประกอบการขนมไหว้พระจันทร์ไม่สามารถปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและต้องแบกรับภาระบางส่วนไว้แทน ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า ปีนี้ผู้ประกอบการขนมไหว้พระจันทร์จำเป็นต้องวางแผนทั้งด้านการผลิต การตลาดอย่างเหมาะสม เพื่อรับมือกับปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนและจัดหาสตอกวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ ควบคุมค่าใช้จ่าย
สำหรับด้านการตลาด ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเน้นทั้งรสชาติ และความหลากหลายของไส้ รวมทั้งขนมไหว้พระจันทร์ที่มีให้เลือกหลายขนาด ตลอดจนถึงการออกแบบรูปลักษณ์บรรจุภัณฑ์ เพื่อเป็นการกระตุ้นความต้องการซื้อให้กลับคืนมา ขณะเดียวกัน เพื่ออำนวยความสะดวก และลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงภาวะน้ำมันแพง ผู้ประกอบการอาจเสนอบริการส่งตรงถึงผู้ซื้อทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน สำหรับปริมาณการสั่งซื้อจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการซื้อเพื่อฝากญาติมิตร หรือให้เป็นของกำนัลกับบริษัท ห้างร้าน ลูกค้าหรือหน่วยงานที่ติดต่อ โดยคาดว่าตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้น่าจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับปี 2550 คือ ประมาณ 450-500 ล้านบาท
วันนี้ (12 ก.ย.) บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่า เทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 ก.ย.ในส่วนของตลาดขนมไหว้พระจันทร์จะไม่คึกคัก เพราะนอกจากภาวะเศรษฐกิจซึ่งยังคงถูกกดดันจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังมีปัจจัยลบจากสถานการณ์ด้านการเมืองที่ทวีความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น จนกระทบต่อเศรษฐกิจภาคต่างๆ รวมถึงกระทบต่ออารมณ์การจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชนที่ลดลง
จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลไปถึงผู้ประกอบการขนมไหว้พระจันทร์ไม่สามารถปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและต้องแบกรับภาระบางส่วนไว้แทน ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า ปีนี้ผู้ประกอบการขนมไหว้พระจันทร์จำเป็นต้องวางแผนทั้งด้านการผลิต การตลาดอย่างเหมาะสม เพื่อรับมือกับปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนและจัดหาสตอกวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ ควบคุมค่าใช้จ่าย
สำหรับด้านการตลาด ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเน้นทั้งรสชาติ และความหลากหลายของไส้ รวมทั้งขนมไหว้พระจันทร์ที่มีให้เลือกหลายขนาด ตลอดจนถึงการออกแบบรูปลักษณ์บรรจุภัณฑ์ เพื่อเป็นการกระตุ้นความต้องการซื้อให้กลับคืนมา ขณะเดียวกัน เพื่ออำนวยความสะดวก และลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงภาวะน้ำมันแพง ผู้ประกอบการอาจเสนอบริการส่งตรงถึงผู้ซื้อทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน สำหรับปริมาณการสั่งซื้อจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการซื้อเพื่อฝากญาติมิตร หรือให้เป็นของกำนัลกับบริษัท ห้างร้าน ลูกค้าหรือหน่วยงานที่ติดต่อ โดยคาดว่าตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้น่าจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับปี 2550 คือ ประมาณ 450-500 ล้านบาท
