ซีอาร์ซี ปลื้มเซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต ฉลุย ปีที่แล้วโต 50% เผยเตรียมพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับร้านค้าแบรนด์เนมที่รอคิวกว่า 50 ราย มั่นใจปีนี้ต้องโตขึ้น 60% พร้อมอัดงบตลาดไม่ต่ำกว่าปีละ 140 ล้านบาท อัดกิจกรรมเต็มที่
นายธนภณ ตังคณานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ซีอาร์ซี เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมแผนที่จะพัฒนาพื้นที่เพิ่มเติมของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต เพื่อรองรับกับบรรดาร้านค้าจำนวนมากที่ต้องการจะเข้ามาเปิดบริการในศูนย์นี้ ซึ่งมีรายชื่อที่เข้าคิวรอ (Wait List) มากกว่า 50 แบรนด์ดัง ในทุกกลุ่มสินค้าบริการทั้งจากแบรนด์ไทยและต่างประเทศ
โดยยังมีพื้นที่ที่เตรียมไว้รอการพัฒนาอีกกว่า 4,000-5,000 ตารางเมตร ซึ่งบริษัทคงต้องศึกษาและจัดทำแบ่งเป็นโซนสำหรับแต่ละธุรกิจให้เหมาะสมทั้งร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านความสวยงาม เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าที่เปิดบริการในศูนย์นี้มากกว่า 300 ร้านค้าแล้ว
ทั้งนี้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งถืออได้ว่าเป็นศูนย์การค้าบันเทิงครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดที่ภูเก็ต ซึ่งสามารถสร้างสีสันให้กับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะให้ศูนย์นี้เป็น วัน-สตอป-ไลฟ์สไตล์ และ ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ สำหรับภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงรวมถึงนักท่องเที่ยวด้วย
“ที่ผ่านมา เราปรับปรุงมาตลอด เช่น การขยายพื้นที่ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และลานกิจกรรม นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ชั้นนำมาเปิดมากมาย เช่น ในปีนี้ ZARA ซึ่งเป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังของสเปนมาเปิดที่ศูนย์ นับว่า เป็นสาขาแรกที่เปิดในต่างจังหวัด จากเดิมที่เปิดในกรุงเทพฯ 3 สาขา”
สำหรับผลประกอบการในปี 2550 มีรายได้เติบโตมากกว่า 50% และตั้งเป้าหมายว่าภายในปีนี้จะต้องมีการเติบโตที่ไม่น้อยกว่าปีที่แล้วหรืออย่างต่ำ 60% ซึ่งตามแผนเดิมจะคืนทุนสาขานี้ประมาณ 8-10 ปี ซึ่งมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้ เพราะจะมีแผนการตลาด การจัดกิจกรรมต่างๆ รองรับทุกปี ขณะเดียวกัน ในปีนี้การที่จะมีร้านโฮมเวิร์ค อีกบิสซิเนสยูนิตหนึ่งของซีอาร์ซี ที่เป็นศูนย์สินค้าตกแต่งและอุปกรณ์ภายในบ้านครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ที่จะตั้งอยู่ด้านตรงข้ามกับศูนย์จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นค้าปลีกย่านนี้คึกคักและเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ซึ่งมีสะพานเชื่อมด้วย
ทั้งนี้ ปริมาณคนเดินศูนย์ทุกวันนี้ หากเป็นช่วงวันธรรมดามีประมาณ 30,000 คน และถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์มีประมาณ 60,000 คน และถ้าแยกสัดส่วนเป็นคนไทย 70% (ทั้งภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง) ส่วนอีก 30% เป็นต่างชาติ
นายธนภณ กล่าวด้วยว่า งบประมาณด้านการตลาดที่จะใช้ในปีนี้และปีหน้าอยู่ประมาณ 140 ล้านบาทต่อปี และจะมีกิจกรรมตลอดจนโปรโมชั่นต่อเนื่อง ล่าสุด จัดกิจกรรมครบรอบ 4 ปี วันที่ 9 กันยายน - 19 ตุลาคม โดยเปิดงานวันที่ 13 กันยายน มีการแสดงแฟชั่นและกิจกรรม คอนเสิร์ตมากมาย นอกจากนี้ยังจัดโครงการ Save Phuket Save Our Planet ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และได้รับบริจาคต้นโกงกางจากลูกค้าจำนวน 30,348 ต้น และปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองที่มีความวุ่นวายจากปัญหาความขัดแย้งกันขณะนี้ นายธนภณ มองว่า ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในภาพรวมบ้าง โดยเฉพาะวงการท่องเที่ยว เพราะคนต่างชาติจะไม่เข้ามาเที่ยวไทย ซึ่งเราเสียหายมากและเหมือนกับเดินถอยหลังไปมากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านเช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ที่มีการพัฒนาและเดินหน้าไปไกลแล้ว
นายธนภณ ตังคณานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ซีอาร์ซี เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมแผนที่จะพัฒนาพื้นที่เพิ่มเติมของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต เพื่อรองรับกับบรรดาร้านค้าจำนวนมากที่ต้องการจะเข้ามาเปิดบริการในศูนย์นี้ ซึ่งมีรายชื่อที่เข้าคิวรอ (Wait List) มากกว่า 50 แบรนด์ดัง ในทุกกลุ่มสินค้าบริการทั้งจากแบรนด์ไทยและต่างประเทศ
โดยยังมีพื้นที่ที่เตรียมไว้รอการพัฒนาอีกกว่า 4,000-5,000 ตารางเมตร ซึ่งบริษัทคงต้องศึกษาและจัดทำแบ่งเป็นโซนสำหรับแต่ละธุรกิจให้เหมาะสมทั้งร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านความสวยงาม เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าที่เปิดบริการในศูนย์นี้มากกว่า 300 ร้านค้าแล้ว
ทั้งนี้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งถืออได้ว่าเป็นศูนย์การค้าบันเทิงครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดที่ภูเก็ต ซึ่งสามารถสร้างสีสันให้กับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะให้ศูนย์นี้เป็น วัน-สตอป-ไลฟ์สไตล์ และ ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ สำหรับภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงรวมถึงนักท่องเที่ยวด้วย
“ที่ผ่านมา เราปรับปรุงมาตลอด เช่น การขยายพื้นที่ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และลานกิจกรรม นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ชั้นนำมาเปิดมากมาย เช่น ในปีนี้ ZARA ซึ่งเป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังของสเปนมาเปิดที่ศูนย์ นับว่า เป็นสาขาแรกที่เปิดในต่างจังหวัด จากเดิมที่เปิดในกรุงเทพฯ 3 สาขา”
สำหรับผลประกอบการในปี 2550 มีรายได้เติบโตมากกว่า 50% และตั้งเป้าหมายว่าภายในปีนี้จะต้องมีการเติบโตที่ไม่น้อยกว่าปีที่แล้วหรืออย่างต่ำ 60% ซึ่งตามแผนเดิมจะคืนทุนสาขานี้ประมาณ 8-10 ปี ซึ่งมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้ เพราะจะมีแผนการตลาด การจัดกิจกรรมต่างๆ รองรับทุกปี ขณะเดียวกัน ในปีนี้การที่จะมีร้านโฮมเวิร์ค อีกบิสซิเนสยูนิตหนึ่งของซีอาร์ซี ที่เป็นศูนย์สินค้าตกแต่งและอุปกรณ์ภายในบ้านครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ที่จะตั้งอยู่ด้านตรงข้ามกับศูนย์จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นค้าปลีกย่านนี้คึกคักและเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ซึ่งมีสะพานเชื่อมด้วย
ทั้งนี้ ปริมาณคนเดินศูนย์ทุกวันนี้ หากเป็นช่วงวันธรรมดามีประมาณ 30,000 คน และถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์มีประมาณ 60,000 คน และถ้าแยกสัดส่วนเป็นคนไทย 70% (ทั้งภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง) ส่วนอีก 30% เป็นต่างชาติ
นายธนภณ กล่าวด้วยว่า งบประมาณด้านการตลาดที่จะใช้ในปีนี้และปีหน้าอยู่ประมาณ 140 ล้านบาทต่อปี และจะมีกิจกรรมตลอดจนโปรโมชั่นต่อเนื่อง ล่าสุด จัดกิจกรรมครบรอบ 4 ปี วันที่ 9 กันยายน - 19 ตุลาคม โดยเปิดงานวันที่ 13 กันยายน มีการแสดงแฟชั่นและกิจกรรม คอนเสิร์ตมากมาย นอกจากนี้ยังจัดโครงการ Save Phuket Save Our Planet ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และได้รับบริจาคต้นโกงกางจากลูกค้าจำนวน 30,348 ต้น และปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองที่มีความวุ่นวายจากปัญหาความขัดแย้งกันขณะนี้ นายธนภณ มองว่า ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในภาพรวมบ้าง โดยเฉพาะวงการท่องเที่ยว เพราะคนต่างชาติจะไม่เข้ามาเที่ยวไทย ซึ่งเราเสียหายมากและเหมือนกับเดินถอยหลังไปมากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านเช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ที่มีการพัฒนาและเดินหน้าไปไกลแล้ว