เนสท์เล่ไอศกรีม เตรียมรุกหนักเพิ่มช่องทางโมเดิร์นเทรดปีหน้าหวังอุดช่องโหว่ หลังยึดครองเทรดดิชันแนลเทรดได้แล้ว เหตุตลาดแข่งกันที่จุดขายที่สะดวกและมากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากก้ได้เปรียบ เรื่องรอยัลตี้แบรนด์เป็นรอง ทุ่ม 40 ล้านบาท รีลอนช์ซับแบรนด์เอ็กซตรีม
นางสาวมณฑา คงเครือพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ธุรกิจไอศกรีม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีหน้าเนสท์เล่มีนโยบายขยายตลาดไอศกรีมในช่องทางโมเดิร์นเทรดมากกว่าเดิม ด้วยการขยายจุดจำหน่าย การออกผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมกับช่องทางดังกล่าว เพราะเป็นช่องทางที่เติบโตดีเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบันและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของเนสท์เล่ไอศกรีมด้วย ซึ่งปัจจุบันเนสท์เล่ไอศกรีมมีส่วนแบ่งช่องทางนี้ 10-15%
ส่วนในช่องทางเทรดดิชันแนลเทรด เนสท์เล่ มีส่วนแบ่ง 30-40% อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงต้องเพิ่มส่วนแบ่งนี้ต่อไป ส่วนช่องทางรถสามล้อหรือโมบายเนสท์เล่ 5,000-6,000 คัน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1,000 คันต่อปี จากตลาดรวมที่คาดว่า 10,000-15,000 คัน ส่วนตู้แช่นั้นมี 4-5,000 ตู้หรือ 50% จากตลาดรวมที่มีกว่า 100,000 ตู้
ช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น คอนวีเนียนสโตร์โดยเฉพาะร้านเซเว่นอีเลฟเว่น กับร้านแฟมิลี่มาร์ทนั้น ในปีนี้เราไม่มีจำหน่าย เพราะเป็นกลยุทธ์เอ็กซคลูซีฟแบรนด์ของร้านดังกล่าว แต่บางปีเนสท์เล่ก็ได้เข้าไปจำหน่ายสลับกับคู่แข่งเหมือนกัน
“การแข่งขันตลาดไอศกรีม แข่งกันในเรื่องของจุดขายเป็นหลัก เพราะว่ารอยัลตี้แบรนด์ไม่สำคัญมากนัก เป็นสิ่งที่สามารถทดแทนกันได้ ดังนั้นลูกค้าอยากทานเมื่อใดและสามารถซื้อได้ที่ไหนเขาก็จะซื้อทานทันที เราจึงต้องเพิ่มช่องทางให้มากที่สุด รองมาคือเรื่องรสชาติต้องหลากหลาย”
ล่าสุด รีลอนชไอศกรีมเนสท์เล่ เอ็กซ์ตรีม ด้วยงบ 40 ล้านบาท เพื่อสร้างภาพลักษณ์ และความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ โดยใช้กลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เปิดตัวแคมเปญ “ค้นหาจังหวะความอร่อยแบบเอ็กซ์ตรีมในตัวคุณ” เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักมากขึ้นคือ อายุ 18-21 ปี เป็นการรีลอนช์ใหญ่แบบ 360 องศาก็ว่าได้ ทั้งการปรับแพกเกจจิ้ง การออกรสชาติใหม่ คือ รสกาแฟ รวมมี 5 รสชาติ ไม่ได้ปรับราคา การทำตลาดกิจกรรมต่างๆ เช่น ตู้แช่ก็จะทำเป็นตู้เพลงเหมือนจุ๊กบ๊อกซ์มิวสิค การจัดมินิคอนเสิร์ต โดยจะเน้นขายผ่านตู้แช่และสามล้อเท่ากันอย่างละ 50%
“จากการวิจัยพบว่า วัยรุ่นมีไลฟ์สไตล์ที่ชอบฟังเพลงมากที่สุดใน 5 อย่างเรียงกันคือ ฟังเพลง เล่นอินเทอร์เน็ต ดูหนัง เล่นกีฬา และแฟชัน เราจึงเลือกเอาเพลงมาทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ” นางสาวมณฑา กล่าว
สำหรับแคมเปญนี้จะทำให้ยอดขายของเอ็กซ์ตรีมที่เป็นซับแบรนด์ เพิ่มขึ้น 50% ซึ่งปัจจุบัน เนสท์เล่มีส่วนแบ่งไอศกรีมโดยรวมอยู่ที่ 35-40% ยอดขายมาจาก แบรนด์เอสกิโม จับกลุ่มเด็ก สัดส่วนรายได้ 50%, เอ็กซ์ตรีม 30% และอีก 20% มาจากอื่นๆ เช่น ฟู้ดเซอร์วิส เทคโฮม และซับแบรนด์อื่นๆ เป็นต้น และคาดว่าแคมเปญนี้จะเพิ่มยอดขายเอ็กซ์ตรีมอีก 50%
ส่วนตลาดไอศกรีมโดยรวมช่วงครึ่งปีแรก 2551 ถือว่าเติบโตคงที่ไม่ได้หวือหวามากนัก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ถดถอยลง โดยมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 10,000 กว่าล้านบาท (ทุกตลาด ทั้งเทคโฮม อิมพัลส์ และฟู้ดเซอร์วิสโต 10%) ซึ่งคนไทยทานไอศกรีมน้อยมากเฉลี่ย 1.3 ลิตรต่อคนต่อปี
นางสาวมณฑา คงเครือพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ธุรกิจไอศกรีม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีหน้าเนสท์เล่มีนโยบายขยายตลาดไอศกรีมในช่องทางโมเดิร์นเทรดมากกว่าเดิม ด้วยการขยายจุดจำหน่าย การออกผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมกับช่องทางดังกล่าว เพราะเป็นช่องทางที่เติบโตดีเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบันและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของเนสท์เล่ไอศกรีมด้วย ซึ่งปัจจุบันเนสท์เล่ไอศกรีมมีส่วนแบ่งช่องทางนี้ 10-15%
ส่วนในช่องทางเทรดดิชันแนลเทรด เนสท์เล่ มีส่วนแบ่ง 30-40% อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงต้องเพิ่มส่วนแบ่งนี้ต่อไป ส่วนช่องทางรถสามล้อหรือโมบายเนสท์เล่ 5,000-6,000 คัน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1,000 คันต่อปี จากตลาดรวมที่คาดว่า 10,000-15,000 คัน ส่วนตู้แช่นั้นมี 4-5,000 ตู้หรือ 50% จากตลาดรวมที่มีกว่า 100,000 ตู้
ช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น คอนวีเนียนสโตร์โดยเฉพาะร้านเซเว่นอีเลฟเว่น กับร้านแฟมิลี่มาร์ทนั้น ในปีนี้เราไม่มีจำหน่าย เพราะเป็นกลยุทธ์เอ็กซคลูซีฟแบรนด์ของร้านดังกล่าว แต่บางปีเนสท์เล่ก็ได้เข้าไปจำหน่ายสลับกับคู่แข่งเหมือนกัน
“การแข่งขันตลาดไอศกรีม แข่งกันในเรื่องของจุดขายเป็นหลัก เพราะว่ารอยัลตี้แบรนด์ไม่สำคัญมากนัก เป็นสิ่งที่สามารถทดแทนกันได้ ดังนั้นลูกค้าอยากทานเมื่อใดและสามารถซื้อได้ที่ไหนเขาก็จะซื้อทานทันที เราจึงต้องเพิ่มช่องทางให้มากที่สุด รองมาคือเรื่องรสชาติต้องหลากหลาย”
ล่าสุด รีลอนชไอศกรีมเนสท์เล่ เอ็กซ์ตรีม ด้วยงบ 40 ล้านบาท เพื่อสร้างภาพลักษณ์ และความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ โดยใช้กลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เปิดตัวแคมเปญ “ค้นหาจังหวะความอร่อยแบบเอ็กซ์ตรีมในตัวคุณ” เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักมากขึ้นคือ อายุ 18-21 ปี เป็นการรีลอนช์ใหญ่แบบ 360 องศาก็ว่าได้ ทั้งการปรับแพกเกจจิ้ง การออกรสชาติใหม่ คือ รสกาแฟ รวมมี 5 รสชาติ ไม่ได้ปรับราคา การทำตลาดกิจกรรมต่างๆ เช่น ตู้แช่ก็จะทำเป็นตู้เพลงเหมือนจุ๊กบ๊อกซ์มิวสิค การจัดมินิคอนเสิร์ต โดยจะเน้นขายผ่านตู้แช่และสามล้อเท่ากันอย่างละ 50%
“จากการวิจัยพบว่า วัยรุ่นมีไลฟ์สไตล์ที่ชอบฟังเพลงมากที่สุดใน 5 อย่างเรียงกันคือ ฟังเพลง เล่นอินเทอร์เน็ต ดูหนัง เล่นกีฬา และแฟชัน เราจึงเลือกเอาเพลงมาทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ” นางสาวมณฑา กล่าว
สำหรับแคมเปญนี้จะทำให้ยอดขายของเอ็กซ์ตรีมที่เป็นซับแบรนด์ เพิ่มขึ้น 50% ซึ่งปัจจุบัน เนสท์เล่มีส่วนแบ่งไอศกรีมโดยรวมอยู่ที่ 35-40% ยอดขายมาจาก แบรนด์เอสกิโม จับกลุ่มเด็ก สัดส่วนรายได้ 50%, เอ็กซ์ตรีม 30% และอีก 20% มาจากอื่นๆ เช่น ฟู้ดเซอร์วิส เทคโฮม และซับแบรนด์อื่นๆ เป็นต้น และคาดว่าแคมเปญนี้จะเพิ่มยอดขายเอ็กซ์ตรีมอีก 50%
ส่วนตลาดไอศกรีมโดยรวมช่วงครึ่งปีแรก 2551 ถือว่าเติบโตคงที่ไม่ได้หวือหวามากนัก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ถดถอยลง โดยมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 10,000 กว่าล้านบาท (ทุกตลาด ทั้งเทคโฮม อิมพัลส์ และฟู้ดเซอร์วิสโต 10%) ซึ่งคนไทยทานไอศกรีมน้อยมากเฉลี่ย 1.3 ลิตรต่อคนต่อปี