เอกชมท่องเที่ยว ยันจี้รัฐยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด่วน หวั่นต่างชาติไม่มั่นใจ ยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศไทย ล่าสุด ยังไร้แววการจองห้องพัก ส่วนกรุ๊ปประชุมทางการแพทย์ ยกเลิกมาไทยแล้ว ด้าน ททท.ระบุ นักท่องเที่ยวซื้อตั๋วชมวังลดวูบวันละกว่า 50%
นายชัชวาล ศุภชยานนท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย ภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลกระทบของการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เริ่มเห็นชัดเจนขึ้น ล่าสุด กรุ๊ปประชุมสัมมนาทางการแพทย์ ซึ่งจะมีแพทย์จากทั่วโลกเดินทางมาร่วมประชุมกว่า 100 คน ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ได้ยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทยแล้ว เนื่องจากเกิดความวิตกถึงสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย และเกรงเรื่องของความไม่ปลอดภัย ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวทั่วไป ทั้งที่เดินทางมาเป็นกรุ๊ป และเดินทางด้วยตัวเอง หรือกลุ่ม FIT ที่จะเดินทางเข้ามาช่วงไฮซีซันปีนี้ ก็ยังไม่มียอดการจองเข้ามา ทั้งที่ปกติช่วงเวลานี้จะเริ่มทยอยจองห้องพักเข้ามาบ้างแล้ว
ดังนั้น ทำให้ภาคเอกชนเริ่มวิตกว่า หากรัฐบาลยังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป จะมีผลให้นักท่องเที่ยวที่กำลังคิดวางแผนเดินทางเข้ามาประเทศไทยช่วงปลายปีนี้ จะถูกยกเลิกเกือบทั้งหมด เพราะแม้ว่า ภาครัฐ และเอกชน จะเร่งชี้แจงว่า การชุมนุมของประเทศไทยที่เกิดขึ้นขณะนี้ เป็นการชุมนุมโดยสันติ ไม่มีเหตุความรุนแรง และจำกัดอยู่ในพื้นที่เดียว คือ ทำเนียบรัฐบาล แต่ก็ยากที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้มั่นใจได้ 100% เพราะต่างชาติเขามองว่า ประเทศใดที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นหมายความว่า ประเทศนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่ปลอดภัย และมีความน่ากลัว
“เบื้องต้นภาคเอกชนท่องเที่ยว มองว่า หากสถานการณ์ปกติแล้ว รัฐบาลควรยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเร็วที่สุด ภายในสัปดาห์นี้ยิ่งดี ส่วนปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับรัฐบาล และกลุ่มอื่นๆ ก็ค่อยหาทางแก้ไขกันไปที่ละอย่าง หากยังประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเช่นนี้ นักท่องเที่ยวคงไม่อยากมาประเทศไทยแน่นอน ซึ่งขณะนี้เฉพาะการท่องเที่ยวในพัทยา และภาคตะวันออกบางส่วน มูลค่าความเสียหาย 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลายร้อยล้านบาทแล้ว"
*** แห่ชมงานไทยเที่ยวไทยคึกคัก***
ทางด้าน นายกฤตย์ พัตรปาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค.เอ็กซิบิชั่น เมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดงาน ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 13 กล่าวว่า จำนวนผู้เข้าชมงานและเลือกซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยว ระหว่างการจัดงาน 4 วันที่ผ่านมา ดีเกินคาดหมาย โดยเฉพาะช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ มีผู้เข้าชมงานมากกว่าวันละ 1 แสนคน เป็นผลให้การจราจรบริเวณโดยรอบ ศูนย์การประชุมสิริกิติ์ ติดขัดอย่างมาก ทั้งที่จำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็คับคั่ง เช่นทุกๆ ครั้งที่จัดงาน สะท้อนให้เห็นว่า ความกดดันทางการเมืองและความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้คนไทยในกรุงเทพฯ และจังหวัดโดยรอบ หาทางออกด้วยการเข้ามาเดินชมงาน หาซื้อแพกเกจทัวร์ เพื่อจะเดินทางท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายในช่วงปลายปีนี้
อย่างไรก็ตาม ต้องแยกว่า เศรษฐกิจ กับการเมือง เป็นคนละประเด็นกัน โดยยอมรับว่าเศรษฐกิจ อาจมีผลกับการตัดสินใจเลือกซื้อแพกเกจท่องเที่ยวของคนไทยได้ เช่น อาจจะซื้อน้อยลง หรือเลือกซื้อสินค้าที่ราคาปานกลาง พรุ่งนี้จึงต้องกลับมาดูอีกว่า เมื่อมีคนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาร่วมชมงานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 13 จนอาจจะเกินเป้าหมายที่ตั้งว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 3 แสนคน จะส่งผลให้มีรายได้สะพัดภายในการจัดงานครั้งนี้เป็นเท่าใด จากที่บริษัทตั้งเป้าไว้ 500 ล้านบาท โดยคาดว่า จะใช้เวลา 1 สัปดาห์หลังจบงาน จะทราบตัวเลขการใช้จ่าย
**ยอดต่างชาติซื้อตั๋วชมวังลดวูบ 50%****
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดที่มีการยกเลิกการเดินทางสูงสุด คือ เกาหลี ญี่ปุ่น และ จีน ส่วนตลาดระยะไกล แถบยุโรป ขณะนี้มีเพียงการสอบถามถึงสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่ง ททท.สั่งให้ทุกสำนักงานในต่างประเทศ ชี้แจงไปตามความเป็นจริงแล้วว่า ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ประชาชนคนไทย และนักท่องเที่ยวยังดำเนินชีวิตเป็นปกติ แต่ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติ จะตัดสินใจเช่นใด ททท.ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งในวันนี้ (8 ก.ย.) ททท.และเอกชนจะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์กันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ททท.ได้สอบถามไปยัง สำนักพระราชวัง พบว่า ในวันที่ 1-3 ก.ย.ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ซื้อตั๋วเข้าชมพระบรมมหาราชวัง ในแต่ละวัน ลดลงกว่า 50% คือ จากปกติจะมีนักท่องเที่ยวซื้อตั๋วเข้าชมวันละไม่ต่ำกว่า 6,500 ใบ
นายวิชิต ประกอบโกศล รองนายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) ดูแลตลาดฟิล์ม กล่าวว่า ทัวร์จากจีนยกเลิกมาไทยเกือบ 100% โดยยอดยกเลิกยาวไปถึงวันที่ 15 ก.ย.แล้ว ดังนั้น หากรัฐบาลไม่รีบยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนถึงสิ้นเดือนนี้ ความเสียหายของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ น่าจะมากกว่าวันละ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากเดือนหน้าเข้าสู่ไฮซีซันท่องเที่ยวจากปัจจุบันมีความเสียหายวันละ 400-500 ล้านบาท
นายชัชวาล ศุภชยานนท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย ภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลกระทบของการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เริ่มเห็นชัดเจนขึ้น ล่าสุด กรุ๊ปประชุมสัมมนาทางการแพทย์ ซึ่งจะมีแพทย์จากทั่วโลกเดินทางมาร่วมประชุมกว่า 100 คน ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ได้ยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทยแล้ว เนื่องจากเกิดความวิตกถึงสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย และเกรงเรื่องของความไม่ปลอดภัย ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวทั่วไป ทั้งที่เดินทางมาเป็นกรุ๊ป และเดินทางด้วยตัวเอง หรือกลุ่ม FIT ที่จะเดินทางเข้ามาช่วงไฮซีซันปีนี้ ก็ยังไม่มียอดการจองเข้ามา ทั้งที่ปกติช่วงเวลานี้จะเริ่มทยอยจองห้องพักเข้ามาบ้างแล้ว
ดังนั้น ทำให้ภาคเอกชนเริ่มวิตกว่า หากรัฐบาลยังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป จะมีผลให้นักท่องเที่ยวที่กำลังคิดวางแผนเดินทางเข้ามาประเทศไทยช่วงปลายปีนี้ จะถูกยกเลิกเกือบทั้งหมด เพราะแม้ว่า ภาครัฐ และเอกชน จะเร่งชี้แจงว่า การชุมนุมของประเทศไทยที่เกิดขึ้นขณะนี้ เป็นการชุมนุมโดยสันติ ไม่มีเหตุความรุนแรง และจำกัดอยู่ในพื้นที่เดียว คือ ทำเนียบรัฐบาล แต่ก็ยากที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้มั่นใจได้ 100% เพราะต่างชาติเขามองว่า ประเทศใดที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นหมายความว่า ประเทศนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่ปลอดภัย และมีความน่ากลัว
“เบื้องต้นภาคเอกชนท่องเที่ยว มองว่า หากสถานการณ์ปกติแล้ว รัฐบาลควรยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเร็วที่สุด ภายในสัปดาห์นี้ยิ่งดี ส่วนปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับรัฐบาล และกลุ่มอื่นๆ ก็ค่อยหาทางแก้ไขกันไปที่ละอย่าง หากยังประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเช่นนี้ นักท่องเที่ยวคงไม่อยากมาประเทศไทยแน่นอน ซึ่งขณะนี้เฉพาะการท่องเที่ยวในพัทยา และภาคตะวันออกบางส่วน มูลค่าความเสียหาย 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลายร้อยล้านบาทแล้ว"
*** แห่ชมงานไทยเที่ยวไทยคึกคัก***
ทางด้าน นายกฤตย์ พัตรปาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค.เอ็กซิบิชั่น เมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดงาน ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 13 กล่าวว่า จำนวนผู้เข้าชมงานและเลือกซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยว ระหว่างการจัดงาน 4 วันที่ผ่านมา ดีเกินคาดหมาย โดยเฉพาะช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ มีผู้เข้าชมงานมากกว่าวันละ 1 แสนคน เป็นผลให้การจราจรบริเวณโดยรอบ ศูนย์การประชุมสิริกิติ์ ติดขัดอย่างมาก ทั้งที่จำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็คับคั่ง เช่นทุกๆ ครั้งที่จัดงาน สะท้อนให้เห็นว่า ความกดดันทางการเมืองและความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้คนไทยในกรุงเทพฯ และจังหวัดโดยรอบ หาทางออกด้วยการเข้ามาเดินชมงาน หาซื้อแพกเกจทัวร์ เพื่อจะเดินทางท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายในช่วงปลายปีนี้
อย่างไรก็ตาม ต้องแยกว่า เศรษฐกิจ กับการเมือง เป็นคนละประเด็นกัน โดยยอมรับว่าเศรษฐกิจ อาจมีผลกับการตัดสินใจเลือกซื้อแพกเกจท่องเที่ยวของคนไทยได้ เช่น อาจจะซื้อน้อยลง หรือเลือกซื้อสินค้าที่ราคาปานกลาง พรุ่งนี้จึงต้องกลับมาดูอีกว่า เมื่อมีคนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาร่วมชมงานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 13 จนอาจจะเกินเป้าหมายที่ตั้งว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 3 แสนคน จะส่งผลให้มีรายได้สะพัดภายในการจัดงานครั้งนี้เป็นเท่าใด จากที่บริษัทตั้งเป้าไว้ 500 ล้านบาท โดยคาดว่า จะใช้เวลา 1 สัปดาห์หลังจบงาน จะทราบตัวเลขการใช้จ่าย
**ยอดต่างชาติซื้อตั๋วชมวังลดวูบ 50%****
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดที่มีการยกเลิกการเดินทางสูงสุด คือ เกาหลี ญี่ปุ่น และ จีน ส่วนตลาดระยะไกล แถบยุโรป ขณะนี้มีเพียงการสอบถามถึงสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่ง ททท.สั่งให้ทุกสำนักงานในต่างประเทศ ชี้แจงไปตามความเป็นจริงแล้วว่า ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ประชาชนคนไทย และนักท่องเที่ยวยังดำเนินชีวิตเป็นปกติ แต่ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติ จะตัดสินใจเช่นใด ททท.ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งในวันนี้ (8 ก.ย.) ททท.และเอกชนจะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์กันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ททท.ได้สอบถามไปยัง สำนักพระราชวัง พบว่า ในวันที่ 1-3 ก.ย.ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ซื้อตั๋วเข้าชมพระบรมมหาราชวัง ในแต่ละวัน ลดลงกว่า 50% คือ จากปกติจะมีนักท่องเที่ยวซื้อตั๋วเข้าชมวันละไม่ต่ำกว่า 6,500 ใบ
นายวิชิต ประกอบโกศล รองนายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) ดูแลตลาดฟิล์ม กล่าวว่า ทัวร์จากจีนยกเลิกมาไทยเกือบ 100% โดยยอดยกเลิกยาวไปถึงวันที่ 15 ก.ย.แล้ว ดังนั้น หากรัฐบาลไม่รีบยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนถึงสิ้นเดือนนี้ ความเสียหายของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ น่าจะมากกว่าวันละ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากเดือนหน้าเข้าสู่ไฮซีซันท่องเที่ยวจากปัจจุบันมีความเสียหายวันละ 400-500 ล้านบาท