ปรับประมาณการจีดีพี ปีนี้ เชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.2-5.7% ขณะที่ 6 มาตรการ 6 เดือน ช่วยกดเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 6.5-7.0%
วันนี้ (25 ส.ค.) นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 5.3 ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 6.1 เป็นผลมาจากการใช้จ่ายของภาครัฐและการใช้จ่ายการบริโภคชะลอตัวลง แต่เมื่อรวม 6 เดือน “จีดีพี” ขยายตัวได้ร้อยละ 5.7 ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจทั้งปี โดยประเมินว่า จีดีพี จะเพิ่มเป็นร้อยละ 5.2-5.7 จากเดิมที่ตั้งไว้ร้อยละ 4.5-5.5 และปรับอัตราเงินเฟ้อเป็นร้อยละ 6.5-7 จากเดิมร้อยละ 5.3-5.8 โดยปัจจัยบวกมาจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ อาทิ 6 มาตรการ 6 เดือน ของรัฐบาล และมาตรการภาษี เป็นต้น
นอกจากนี้ ปริมาณการส่งออกจะมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง ส่วนปัจจัยที่ยังเป็นความเสี่ยงคือดุลบัญชีเดินสะพัดโดยรวมลดลง จากการขาดดุลการค้าและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน เนื่องจากราคาน้ำมันและการเมือง
อย่างไรก็ตาม สศช.ยังเชื่อมั่นว่า หากน้ำมันอยู่ที่ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เงินเฟ้อในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะไม่เกินตัวเลข 2 หลัก รวมทั้ง 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล ที่เป็นตัวช่วย
สศช.ปรับประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2551 เป็น 5.2-5.7% จากเดิมที่คาดโต 4.5-5.5% โดยการปรับประมาณการเพิ่มขึ้นเป็นเพราะเศรษฐกิจในประเทศ ยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเป็นผลมาจากมาตรการของรัฐบาล โดยเฉพาะ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน เริ่มมีผลต่อการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ ปริมาณการส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดไว้ ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะยังคงมีความผันผวนอยู่ แต่ก็มีแนวโน้มที่ลดลง
วันนี้ (25 ส.ค.) นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 5.3 ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 6.1 เป็นผลมาจากการใช้จ่ายของภาครัฐและการใช้จ่ายการบริโภคชะลอตัวลง แต่เมื่อรวม 6 เดือน “จีดีพี” ขยายตัวได้ร้อยละ 5.7 ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจทั้งปี โดยประเมินว่า จีดีพี จะเพิ่มเป็นร้อยละ 5.2-5.7 จากเดิมที่ตั้งไว้ร้อยละ 4.5-5.5 และปรับอัตราเงินเฟ้อเป็นร้อยละ 6.5-7 จากเดิมร้อยละ 5.3-5.8 โดยปัจจัยบวกมาจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ อาทิ 6 มาตรการ 6 เดือน ของรัฐบาล และมาตรการภาษี เป็นต้น
นอกจากนี้ ปริมาณการส่งออกจะมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง ส่วนปัจจัยที่ยังเป็นความเสี่ยงคือดุลบัญชีเดินสะพัดโดยรวมลดลง จากการขาดดุลการค้าและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน เนื่องจากราคาน้ำมันและการเมือง
อย่างไรก็ตาม สศช.ยังเชื่อมั่นว่า หากน้ำมันอยู่ที่ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เงินเฟ้อในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะไม่เกินตัวเลข 2 หลัก รวมทั้ง 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล ที่เป็นตัวช่วย
สศช.ปรับประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2551 เป็น 5.2-5.7% จากเดิมที่คาดโต 4.5-5.5% โดยการปรับประมาณการเพิ่มขึ้นเป็นเพราะเศรษฐกิจในประเทศ ยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเป็นผลมาจากมาตรการของรัฐบาล โดยเฉพาะ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน เริ่มมีผลต่อการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ ปริมาณการส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดไว้ ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะยังคงมีความผันผวนอยู่ แต่ก็มีแนวโน้มที่ลดลง
