เศรษฐกิจทรุด ฉุดตลาดสวิตช์ไฟตก เติบโตเพียง 4-6% “บิทิชีโน” เดินหมากฝ่าวิกฤต มุ่งสินค้านวัตกรรม เบ็นเข็มจับตลาดโครงการ หลีกสงครามราคา เชื่อ สิ้นปียังยิ้มได้ รายได้แตะ 700 ล้านบาท โต 15%
นายฌอง หลุยส์ ฟองตานีย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิทิชีโน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้า จากประเทศอิตาลี ภายใต้แบรนด์ บิทิชีโน เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา รวมถึงราคาน้ำมันที่เกิดขึ้น ยอมรับว่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะส่วนหนึ่งธุรกิจสวิตช์ไฟ จะผันตามธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ หากเศรษฐกิจไม่ดี อสังหาริมทรัพย์ไม่โต ตลาดสวิตช์ไฟก็จะไม่โตตามไปด้วย
จากปกติภาพรวมตลาดสวิตช์ไฟมูลค่า 2,500 ล้านบาท จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 8-10% ทุกปี แต่ปีนี้มองว่าจะเติบโตได้เพียง 4-6% เท่านั้น โดยในตลาดมี 3 แบรนด์ใหญ่ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 80% คือ พานาโซนิค บิทิซิโน และ Clipsal ส่วนอีก 20% ถึงแม้จะเป็นสินค้ามีแบรนด์แต่มุ่งขายเพียงช่องทางค้าปลีกค้าส่ง จึงมีส่วนแบ่งทางตลาดน้อย
ในส่วนของ บิทิชีโน ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตเพียง 15% หรือมีรายได้ที่ 700 ล้านบาท ถือว่าเป็นยอดการเติบโตที่น้อยกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีที่ผ่านมา รายได้จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวมาจากการที่บริษัทวางแผนการดำเนินธุรกิจในส่วนของการพัฒนาสินค้าและระบบอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้าใหม่ๆ มาตลอด 2-3 ปี ไม่ว่าจะเป็นระบบสวิตช์ไฟแบบออโตโมชัน ระบบเบรกเกอร์ไฟฟ้า และการวางระบบสายไฟ ซึ่ง 6 เดือนที่ผ่านมา เป็นส่วนธุรกิจที่มีการเติบโตสูงมาก มีมาร์จินที่ดี หลีกหนีปัญหาทางด้านราคา ขณะที่กลุ่มสวิตช์ไฟยังเป็นสินค้าที่สร้างรายได้มากที่สุด โดย บิทิชีโน มีสินค้าในทุกระดับตั้งแต่แมสจนถึงพรีเมียม โดยราคาที่จำหน่ายเป็นราคาที่แข่งขันในตลาดได้ ไม่แพงจนเกินไป
นายฌอง กล่าวต่อว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มองว่า ไลฟ์สไตล์คนไทยเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมองหาที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่นๆ มากขึ้น โดยมุ่งเน้นความสะดวกสบายและคล่องตัวในชีวิตประจำวันมากขึ้น ดังนั้น ทางบริษัทจึงให้ความสำคัญในการพัฒนาสวิตช์ไฟ รวมถึงพยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานเกี่ยวกับสวิตช์ไฟจากรูปแบบเดิมๆ มาสู่ระดับที่สูงขึ้น
ส่งผลให้หลังจากนี้บริษัทจะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับตลาดโครงการมากยิ่งขึ้น เพราะตรงกับรูปแบบของสินค้าใหม่ที่พัฒนาขึ้นมา ซึ่งในปัจจุบันยอดขายของบีทีชิโน 80% ยังมาจากตัวแทนจำหน่าย และโมเดิร์นเทรด 20% มาจากตลาดโครงการ ซึ่งมองว่า ไม่เกิน 5 ปี สัดส่วนรายได้ที่มาจากตลาดโครงการจะเท่ากับตัวแทนจำหน่ายที่ 50% เท่าๆ กัน
ปัจจุบัน บิทีชีโน มีจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดครบทุกช่องทาง รวมถึงตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมแล้วกว่า 3,000 ร้าน ส่วนตลาดโครงการ บริษัทฯจะเข้าไปในลักษณะร่วมกับพาร์ทเนอร์ในทุกขั้นตอนของโครงการการก่อสร้างด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งผ่านมาสถาปนิก บริษัทที่ดูแลระบบไฟฟ้า และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไว้วางใจใช้อุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้าของบิทิชีโนที่ผ่านมา เช่น ปริญสิริ โรงแรมต่างๆ ทั้ง ดุสิตธานี คอนราด แชงกรีลา รวมถึงคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานและสถานทูตต่างๆ
นายฌอง หลุยส์ ฟองตานีย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิทิชีโน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้า จากประเทศอิตาลี ภายใต้แบรนด์ บิทิชีโน เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา รวมถึงราคาน้ำมันที่เกิดขึ้น ยอมรับว่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะส่วนหนึ่งธุรกิจสวิตช์ไฟ จะผันตามธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ หากเศรษฐกิจไม่ดี อสังหาริมทรัพย์ไม่โต ตลาดสวิตช์ไฟก็จะไม่โตตามไปด้วย
จากปกติภาพรวมตลาดสวิตช์ไฟมูลค่า 2,500 ล้านบาท จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 8-10% ทุกปี แต่ปีนี้มองว่าจะเติบโตได้เพียง 4-6% เท่านั้น โดยในตลาดมี 3 แบรนด์ใหญ่ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 80% คือ พานาโซนิค บิทิซิโน และ Clipsal ส่วนอีก 20% ถึงแม้จะเป็นสินค้ามีแบรนด์แต่มุ่งขายเพียงช่องทางค้าปลีกค้าส่ง จึงมีส่วนแบ่งทางตลาดน้อย
ในส่วนของ บิทิชีโน ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตเพียง 15% หรือมีรายได้ที่ 700 ล้านบาท ถือว่าเป็นยอดการเติบโตที่น้อยกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีที่ผ่านมา รายได้จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวมาจากการที่บริษัทวางแผนการดำเนินธุรกิจในส่วนของการพัฒนาสินค้าและระบบอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้าใหม่ๆ มาตลอด 2-3 ปี ไม่ว่าจะเป็นระบบสวิตช์ไฟแบบออโตโมชัน ระบบเบรกเกอร์ไฟฟ้า และการวางระบบสายไฟ ซึ่ง 6 เดือนที่ผ่านมา เป็นส่วนธุรกิจที่มีการเติบโตสูงมาก มีมาร์จินที่ดี หลีกหนีปัญหาทางด้านราคา ขณะที่กลุ่มสวิตช์ไฟยังเป็นสินค้าที่สร้างรายได้มากที่สุด โดย บิทิชีโน มีสินค้าในทุกระดับตั้งแต่แมสจนถึงพรีเมียม โดยราคาที่จำหน่ายเป็นราคาที่แข่งขันในตลาดได้ ไม่แพงจนเกินไป
นายฌอง กล่าวต่อว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มองว่า ไลฟ์สไตล์คนไทยเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมองหาที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่นๆ มากขึ้น โดยมุ่งเน้นความสะดวกสบายและคล่องตัวในชีวิตประจำวันมากขึ้น ดังนั้น ทางบริษัทจึงให้ความสำคัญในการพัฒนาสวิตช์ไฟ รวมถึงพยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานเกี่ยวกับสวิตช์ไฟจากรูปแบบเดิมๆ มาสู่ระดับที่สูงขึ้น
ส่งผลให้หลังจากนี้บริษัทจะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับตลาดโครงการมากยิ่งขึ้น เพราะตรงกับรูปแบบของสินค้าใหม่ที่พัฒนาขึ้นมา ซึ่งในปัจจุบันยอดขายของบีทีชิโน 80% ยังมาจากตัวแทนจำหน่าย และโมเดิร์นเทรด 20% มาจากตลาดโครงการ ซึ่งมองว่า ไม่เกิน 5 ปี สัดส่วนรายได้ที่มาจากตลาดโครงการจะเท่ากับตัวแทนจำหน่ายที่ 50% เท่าๆ กัน
ปัจจุบัน บิทีชีโน มีจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดครบทุกช่องทาง รวมถึงตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมแล้วกว่า 3,000 ร้าน ส่วนตลาดโครงการ บริษัทฯจะเข้าไปในลักษณะร่วมกับพาร์ทเนอร์ในทุกขั้นตอนของโครงการการก่อสร้างด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งผ่านมาสถาปนิก บริษัทที่ดูแลระบบไฟฟ้า และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไว้วางใจใช้อุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้าของบิทิชีโนที่ผ่านมา เช่น ปริญสิริ โรงแรมต่างๆ ทั้ง ดุสิตธานี คอนราด แชงกรีลา รวมถึงคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานและสถานทูตต่างๆ