แผนรุกกลุ่มเป้าหมายระดับบน ไปได้สวย “มิสทิน” ยิ้มรับรายได้ครึ่งปีแรกยอดขายโตขึ้น 22% ทั้งปีคาดว่าทะลุเกินเป้าเป็น 18% จากที่คาดไว้ 13% ยังหวั่นใจ ปีหน้าเล็งปรับราคาสินค้าขึ้น 5% เหตุต้นทุนทะยานเพิ่มมา 10%
นายดนัย ดีโรจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง มิสทิน เปิดเผยว่า จากการขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับบน โดยการพัฒนาสินค้าใหม่ กับการร่วมมือกับพันธมิตรจากในต่างประเทศ เช่น โคมา (Koma) จากเกาหลี และการตั้งทีมพัฒนาวิจัยสินค้า รวมถึงการเน้นเพิ่มสมาชิกและรักษาสมาชิกด้วยการเพิ่มระบบสะสมคะแนน และที่สำคัญจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ส่งผลให้ผู้บริโภคประหยัดในการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น คนหันมาสร้างรายได้เสริม ด้วยการมาทำธุรกิจขางตรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสาวออฟฟิศ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ มิสทิน จึงทำให้รายได้ในครึ่งปีแรกเติบโตขึ้นถึง 22% เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังพบอีกว่า บริษัทฯ มียอดสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนรายแล้ว จากปีก่อนอยู่ที่ 6 แสนราย เป็นตัวเลขการเติบโตสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ และยอดการสั่งซื้อต่อครั้งยังเพิ่มขึ้นอีก 20% ด้วย ผลจากการที่บริษัทฯขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับบน ทั้งระดับเอและบี ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง
ดังนั้นคาดว่า สิ้นปีนี้บริษัทฯน่าจะมีรายได้เติบโตมากกว่าแผนที่วางไว้เป็น 17-18% จากเดิมตั้งไว้ 13% หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 7,800-8,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,700 ล้านบาท และคาดว่ากำไรจะเติบโตขึ้นประมาณ 12-13% จากปีก่อนที่ทำได้ 700 ล้านบาท ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า มิสทินจะมีรายได้ 1 หมื่นล้านบาทในอีก 2 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตามถึงแม้ภาพรวมรายได้จะมีทิศทางการเติบโตที่ดี แต่พบว่าต้นทุนได้ขยับตัวสูงขึ้น 10% ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุนทางด้านการขนส่ง หรือแพคเกจจิ้ง ส่งผลให้รายได้ในส่วนของกำไรลดลง จากปกติต่อปีจะอยู่ที่ 16-17% ปีที่ผ่านมา ลดลงเหลือเพียง 11% ทางบริษัทฯจึงมีแผนที่จะมีการปรับราคาสินค้าขึ้นประมาณ 5% เริ่มตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป เชื่อว่าการปรับราคาครั้งนี้ จะไม่กระทบการซื้อสินค้าของผู้บริโภค ซึ่งระหว่างนี้ บริษัทฯได้มีการปรับตัวรองรับสถานการณ์ควบคุมต้นทุนไว้บ้างแล้ว โดยเฉพาะการจัดการระบบลอจิสติกส์ ที่เปลี่ยนมาใช้ก๊าซแอลพีจี 50% ช่วยลดภาระต้นทุนค่าขนส่งลงได้ส่วนหนึ่ง
ล่าสุด มิสทิน ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ มาสคาร่า พร้อมที่เขียนขอบตา มิสทิน โปรลอง ดีทู โดยดึงอั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ ผ่านงบโฆษณากว่า 50 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายจากมาสคาร่าประมาณ 600 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมมาสคาร่า 2,000ล้านบาท
นายดนัย ดีโรจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง มิสทิน เปิดเผยว่า จากการขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับบน โดยการพัฒนาสินค้าใหม่ กับการร่วมมือกับพันธมิตรจากในต่างประเทศ เช่น โคมา (Koma) จากเกาหลี และการตั้งทีมพัฒนาวิจัยสินค้า รวมถึงการเน้นเพิ่มสมาชิกและรักษาสมาชิกด้วยการเพิ่มระบบสะสมคะแนน และที่สำคัญจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ส่งผลให้ผู้บริโภคประหยัดในการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น คนหันมาสร้างรายได้เสริม ด้วยการมาทำธุรกิจขางตรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสาวออฟฟิศ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ มิสทิน จึงทำให้รายได้ในครึ่งปีแรกเติบโตขึ้นถึง 22% เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังพบอีกว่า บริษัทฯ มียอดสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนรายแล้ว จากปีก่อนอยู่ที่ 6 แสนราย เป็นตัวเลขการเติบโตสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ และยอดการสั่งซื้อต่อครั้งยังเพิ่มขึ้นอีก 20% ด้วย ผลจากการที่บริษัทฯขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับบน ทั้งระดับเอและบี ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง
ดังนั้นคาดว่า สิ้นปีนี้บริษัทฯน่าจะมีรายได้เติบโตมากกว่าแผนที่วางไว้เป็น 17-18% จากเดิมตั้งไว้ 13% หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 7,800-8,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,700 ล้านบาท และคาดว่ากำไรจะเติบโตขึ้นประมาณ 12-13% จากปีก่อนที่ทำได้ 700 ล้านบาท ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า มิสทินจะมีรายได้ 1 หมื่นล้านบาทในอีก 2 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตามถึงแม้ภาพรวมรายได้จะมีทิศทางการเติบโตที่ดี แต่พบว่าต้นทุนได้ขยับตัวสูงขึ้น 10% ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุนทางด้านการขนส่ง หรือแพคเกจจิ้ง ส่งผลให้รายได้ในส่วนของกำไรลดลง จากปกติต่อปีจะอยู่ที่ 16-17% ปีที่ผ่านมา ลดลงเหลือเพียง 11% ทางบริษัทฯจึงมีแผนที่จะมีการปรับราคาสินค้าขึ้นประมาณ 5% เริ่มตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป เชื่อว่าการปรับราคาครั้งนี้ จะไม่กระทบการซื้อสินค้าของผู้บริโภค ซึ่งระหว่างนี้ บริษัทฯได้มีการปรับตัวรองรับสถานการณ์ควบคุมต้นทุนไว้บ้างแล้ว โดยเฉพาะการจัดการระบบลอจิสติกส์ ที่เปลี่ยนมาใช้ก๊าซแอลพีจี 50% ช่วยลดภาระต้นทุนค่าขนส่งลงได้ส่วนหนึ่ง
ล่าสุด มิสทิน ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ มาสคาร่า พร้อมที่เขียนขอบตา มิสทิน โปรลอง ดีทู โดยดึงอั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ ผ่านงบโฆษณากว่า 50 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายจากมาสคาร่าประมาณ 600 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมมาสคาร่า 2,000ล้านบาท
