มิสทิน โว ครึ่งปีแรกโตเกินเป้าทะลุ 15% เหตุลูกค้าตลาดบนหันมาซื้อสูงขึ้น เสริมทัพด้วยสาวมิสทินจำนวนกว่า 7.5 แสนราย มุ่งขายสินค้ามากขึ้น หลังปรับค่าตอบแทนล่อใจให้อีก 5% สิ้นปีมั่นใจรายได้โตแน่ 15% หรือกว่า 8,500 ล้านบาท
นายดนัย ดีโรจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง ภายใต้แบรนด์ มิสทิน เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดขายตรงครึ่งปีแรกโต 4% ครึ่งปีหลังน่าจะโตได้ 5% หรือทั้งปีน่าจะโตได้ราว 5% ในส่วนของมิสทิน ซึ่งเป็นเครื่องสำอางที่จำหน่ายระบบขายตรงแบบชั้นเดียว ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายเติบโตได้ถึง 15% ซึ่งถือเป็นยอดขายที่เติบโตเกินเป้า จากเดิมที่วางไว้ 7% หรือสามารถแบ่งได้เป็นสินค้าจากในส่วนมิสทิน 40% และสินค้าจากแคตตาล็อกฟรายเดย์ 60%
การเติบโตดังกล่าว มีสาเหตุหลักมาจากผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบีขึ้นไป มีเปิดตัวสินค้าใหม่เข้า และลูกค้าให้การตอบรับมากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากลูกค้าระดับบน มีการสวิทชิ่ง หันมาใช้สินค้าแบรนด์มิสทินมากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันลูกค้ากว่า 30% เป็นกลุ่มบีขึ้นและไป และกลุ่มซีลงมา มีสัดส่วน 70% นอกจากนี้ในส่วนของสาวมิสทิน ครึ่งปีแรกยังมีสมัครเข้ามาอีก 6% รวมแล้วประมาณ 7.5 แสนราย
ในส่วนของสาวมิสทินนั้น ทางบริษัทได้มีการปรับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นให้อีก 5% ในลักษณะของการเพิ่มโบนัสกับสินค้าบางกลุ่ม จากเดิมสาวมิสทิน จะได้ค่าตอบแทนจากการขายสินค้าปกติที่ 30% นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมการสะสมแต้ม เพื่อจูงใจให้สาวมิสทินทุ่มเทให้ขายสินค้ามากขึ้นตลอดปี
อย่างไรก็ตาม มองว่า สถานการณ์ต่างๆ ในครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก บวกกับครึ่งปีหลังถือเป็นช่วงของการขาย ดังนั้น แผนการทำตลาดครึ่งปีหลัง จะมีความพิเศษมากขึ้น ดังนั้น จากเดิมปีนี้วางงบการตลาดใช้ทั้งปี ที่ 550 ล้านบาท 40% ใช้ในครึ่งปีแรก และ 60% ใช้ในครึ่งปีหลังนั้น ล่าสุด คาดว่า จะต้องเพิ่มงบอีก 10% รวมแล้วปีนี้น่าจะใช้งบตลาดถึง 600 ล้านบาท กับการจัดแคมเปญใหญ่อย่าง “ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาล” กับ “เพชรา เชาวราษฎร์” อดีตนางเอกหนังที่โด่งดัง ที่ร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ จะมีขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.นี้ โดยในส่วนของสินค้านั้น ครึ่งปีหลังจะเน้นกลุ่มสินค้าระดับบีเป็นหลัก หรือมีสินค้าใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 50 รายการ ขณะที่ครึ่งปีแรกมี 25 รายการ หรือรวมแล้ว มีสินค้ากลุ่มบีวางจำหน่ายแล้วกว่า 120 รายการ
ล่าสุด ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์โลชั่นบำรุงผิว มิสทิน ไวท์ สปา โกลด์ คาเวียร์ โดยมี อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ภายใต้งบการตลาดกว่า 40 ล้านบาท นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทยังได้เพิ่มศูนย์กระจายสินค้าอีก 3 แห่ง คือ นครสวรรค์ สุรินทร์ และ หาดใหญ่ ใช้งบลงทุนรวม 50 ล้านบาท จากเดิมมีอยู่แล้ว 4 แห่ง คือ กรุงเทพฯ ขอนแก่น ลำปาง และ สุราษฎร์ธานี
นายดนัย กล่าวต่อว่า ภายหลังที่บริษัทพยายามขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่กลุ่มบีขึ้นไป ถือว่าประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายระดับบี 20% และระดับซี 80% ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของลูกค้าระดับบีอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาทขึ้นไปต่อครั้ง ส่วนลูกค้าระดับซีอยู่ที่ 900 บาทขึ้นไปต่อครั้ง โดยครึ่งปีหลังนี้หากสถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง และราคาน้ำมันไม่ปรับตัวมากนัก เชื่อว่า จะผลให้ยอดขายครึ่งปีหลังเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งปีแรก หรือทั้งปีมั่นใจว่าน่าจะมีการเติบโตถึง 15% จากเดิมที่วางไว้ 7% หรือทั้งปีน่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 8,500 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัทมีการเติบโตได้อย่างน้อย 10% ทุกปี เชื่อว่าไม่เกิน 2 ปี บริษัทจะมีรายได้ถึง 10,000 ล้านบาท
นายดนัย ดีโรจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง ภายใต้แบรนด์ มิสทิน เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดขายตรงครึ่งปีแรกโต 4% ครึ่งปีหลังน่าจะโตได้ 5% หรือทั้งปีน่าจะโตได้ราว 5% ในส่วนของมิสทิน ซึ่งเป็นเครื่องสำอางที่จำหน่ายระบบขายตรงแบบชั้นเดียว ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายเติบโตได้ถึง 15% ซึ่งถือเป็นยอดขายที่เติบโตเกินเป้า จากเดิมที่วางไว้ 7% หรือสามารถแบ่งได้เป็นสินค้าจากในส่วนมิสทิน 40% และสินค้าจากแคตตาล็อกฟรายเดย์ 60%
การเติบโตดังกล่าว มีสาเหตุหลักมาจากผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบีขึ้นไป มีเปิดตัวสินค้าใหม่เข้า และลูกค้าให้การตอบรับมากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากลูกค้าระดับบน มีการสวิทชิ่ง หันมาใช้สินค้าแบรนด์มิสทินมากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันลูกค้ากว่า 30% เป็นกลุ่มบีขึ้นและไป และกลุ่มซีลงมา มีสัดส่วน 70% นอกจากนี้ในส่วนของสาวมิสทิน ครึ่งปีแรกยังมีสมัครเข้ามาอีก 6% รวมแล้วประมาณ 7.5 แสนราย
ในส่วนของสาวมิสทินนั้น ทางบริษัทได้มีการปรับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นให้อีก 5% ในลักษณะของการเพิ่มโบนัสกับสินค้าบางกลุ่ม จากเดิมสาวมิสทิน จะได้ค่าตอบแทนจากการขายสินค้าปกติที่ 30% นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมการสะสมแต้ม เพื่อจูงใจให้สาวมิสทินทุ่มเทให้ขายสินค้ามากขึ้นตลอดปี
อย่างไรก็ตาม มองว่า สถานการณ์ต่างๆ ในครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก บวกกับครึ่งปีหลังถือเป็นช่วงของการขาย ดังนั้น แผนการทำตลาดครึ่งปีหลัง จะมีความพิเศษมากขึ้น ดังนั้น จากเดิมปีนี้วางงบการตลาดใช้ทั้งปี ที่ 550 ล้านบาท 40% ใช้ในครึ่งปีแรก และ 60% ใช้ในครึ่งปีหลังนั้น ล่าสุด คาดว่า จะต้องเพิ่มงบอีก 10% รวมแล้วปีนี้น่าจะใช้งบตลาดถึง 600 ล้านบาท กับการจัดแคมเปญใหญ่อย่าง “ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาล” กับ “เพชรา เชาวราษฎร์” อดีตนางเอกหนังที่โด่งดัง ที่ร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ จะมีขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.นี้ โดยในส่วนของสินค้านั้น ครึ่งปีหลังจะเน้นกลุ่มสินค้าระดับบีเป็นหลัก หรือมีสินค้าใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 50 รายการ ขณะที่ครึ่งปีแรกมี 25 รายการ หรือรวมแล้ว มีสินค้ากลุ่มบีวางจำหน่ายแล้วกว่า 120 รายการ
ล่าสุด ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์โลชั่นบำรุงผิว มิสทิน ไวท์ สปา โกลด์ คาเวียร์ โดยมี อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ภายใต้งบการตลาดกว่า 40 ล้านบาท นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทยังได้เพิ่มศูนย์กระจายสินค้าอีก 3 แห่ง คือ นครสวรรค์ สุรินทร์ และ หาดใหญ่ ใช้งบลงทุนรวม 50 ล้านบาท จากเดิมมีอยู่แล้ว 4 แห่ง คือ กรุงเทพฯ ขอนแก่น ลำปาง และ สุราษฎร์ธานี
นายดนัย กล่าวต่อว่า ภายหลังที่บริษัทพยายามขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่กลุ่มบีขึ้นไป ถือว่าประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายระดับบี 20% และระดับซี 80% ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของลูกค้าระดับบีอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาทขึ้นไปต่อครั้ง ส่วนลูกค้าระดับซีอยู่ที่ 900 บาทขึ้นไปต่อครั้ง โดยครึ่งปีหลังนี้หากสถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง และราคาน้ำมันไม่ปรับตัวมากนัก เชื่อว่า จะผลให้ยอดขายครึ่งปีหลังเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งปีแรก หรือทั้งปีมั่นใจว่าน่าจะมีการเติบโตถึง 15% จากเดิมที่วางไว้ 7% หรือทั้งปีน่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 8,500 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัทมีการเติบโตได้อย่างน้อย 10% ทุกปี เชื่อว่าไม่เกิน 2 ปี บริษัทจะมีรายได้ถึง 10,000 ล้านบาท