นมกล่องจ่อขึ้นราคา 1 บาท สำหรับขนาด 250 ซีซี และ 3.75 บาท สำหรับขนาด 830 ซีซี หลังต้นทุนเพิ่มตามน้ำนมดิบ “ไชยา” ขอดูต้นทุนที่แท้จริงก่อนไฟเขียว ส่วนน้ำมันพืช เตรียมนัดผู้ประกอบการหารือเร็วๆ นี้ คาด น้ำมันถั่วเหลืองอาจได้ปรับขึ้น ส่วนน้ำมันปาล์มอาจขอตรึงไว้ก่อน หลังวัตถุดิบราคาลดลง
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาผลิตภัณฑ์นม ได้เห็นชอบให้มีการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมตั้งแต่ 1.14-23.10% จากที่ผู้ผลิตเสนอขอปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 13.64-55.22% ให้กับผู้ผลิต 5 ราย จำนวน 4 ยี่ห้อ ได้แก่ โฟรโมสต์ หนองโพ เมจิ และ ดูเม็กซ์ เนื่องจากต้นทุนเพิ่มขึ้นหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบจาก กก.ละ 14.50 บาท เป็น 18 บาท โดยจะมีผลทันทีเมื่อได้รับการอนุมัติจาก รมว.พาณิชย์ ซึ่งกรมฯ จะเสนอให้พิจารณาในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ผลจากการอนุมัติให้ปรับราคาดังกล่าว ทำให้นมกล่องพาสเจอร์ไรซ์ ขนาดบรรจุ 200 ซีซี ปรับเพิ่มอีก 1 บาท จากราคา 10.75 บาท เป็น 11.75 บาท นมกล่องยูเอชที ขนาด 250 ซีซี เพิ่มขึ้น 1 บาท จาก 9.50 บาท เป็น 10.50 บาท ขนาด 830 ซีซี เพิ่มขึ้น 3.75 บาท จาก 38.25 บาท เป็น 42 บาท
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ยอมรับว่า ต้นทุนการผลิตนมกล่องเพิ่มขึ้นจริง หลังจากที่ ครม.ได้อนุมัติให้ปรับราคาน้ำนมดิบขึ้นอีก กก.ละ 3 บาท โดยจากตัวเลขที่กรมการค้าภายในรายงานเข้ามา พบว่า ต้นทุนการผลิตนมบรรจุกล่องขนาด 250 ซีซี มีต้นทุนเพิ่มขึ้นกล่องละ 88 สตางค์ การอนุมัติให้ปรับราคาคงต้องให้ขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง ส่วนจะเป็นราคาเท่าใด คงต้องพิจารณารายละเอียดต่างๆ ก่อน
ส่วนน้ำมันพืช จะเรียกผู้ประกอบการทั้งน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์ม มาหารือในเร็วๆ นี้ หลังจากที่ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาอนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคา โดยได้ขอให้กรมการค้าภายใน ไปรวบรวมข้อมูลทั้งหมด ทั้งข้อมูลด้านต้นทุนวัตถุดิบ ราคาที่จะขอปรับขึ้น จากนั้นจะพิจารณาว่าจะอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาหรือไม่ เพราะสินค้าน้ำมันพืชเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ และหากปรับราคาประชาชนจะได้รับผลกระทบมาก
“จะว่าไปตามข้อเท็จจริง หากต้นทุนสูงขึ้น ก็จะพิจารณาให้ แต่จะเป็นเท่าใด ก็ต้องมาคุยกัน เพราะน้ำมันพืช คนใช้กันมาก การขึ้นราคาจะกระทบกับประชาชน ซึ่งเท่าที่ดู น้ำมันถั่วเหลือง วัตถุดิบเพิ่มขึ้นจริง แต่จะให้ปรับขึ้นหรือไม่เท่าใด ต้องพิจารณาก่อน ผมต้องมีข้อมูลทั้งหมด แล้วจะตัดสินใจ ส่วนน้ำมันปาล์ม ดูแล้ว ขณะนี้ผลปาล์มดิบราคาลดลง ไม่น่าที่จะต้องปรับราคา” นายไชยา กล่าว
นอกจากนี้ จะเรียกหารือผู้ประกอบการรายอื่นๆ ใน 19 กลุ่มสินค้า ที่ได้ขอปรับราคาเข้ามายังกรมการค้าภายในต่อไป เพราะขณะนี้น้ำมันได้ปรับราคาลดลง ทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลง ซึ่งหากสินค้าใด มีต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่มาก ก็จะขอให้มีการตรึงราคาไว้ก่อน แต่ถ้าต้นทุนเพิ่มขึ้น ก็ต้องเจรจากัน คงไม่ใช่ให้ปรับขึ้นราคาตามที่ขอมาทั้งหมด
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาผลิตภัณฑ์นม ได้เห็นชอบให้มีการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมตั้งแต่ 1.14-23.10% จากที่ผู้ผลิตเสนอขอปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 13.64-55.22% ให้กับผู้ผลิต 5 ราย จำนวน 4 ยี่ห้อ ได้แก่ โฟรโมสต์ หนองโพ เมจิ และ ดูเม็กซ์ เนื่องจากต้นทุนเพิ่มขึ้นหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบจาก กก.ละ 14.50 บาท เป็น 18 บาท โดยจะมีผลทันทีเมื่อได้รับการอนุมัติจาก รมว.พาณิชย์ ซึ่งกรมฯ จะเสนอให้พิจารณาในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ผลจากการอนุมัติให้ปรับราคาดังกล่าว ทำให้นมกล่องพาสเจอร์ไรซ์ ขนาดบรรจุ 200 ซีซี ปรับเพิ่มอีก 1 บาท จากราคา 10.75 บาท เป็น 11.75 บาท นมกล่องยูเอชที ขนาด 250 ซีซี เพิ่มขึ้น 1 บาท จาก 9.50 บาท เป็น 10.50 บาท ขนาด 830 ซีซี เพิ่มขึ้น 3.75 บาท จาก 38.25 บาท เป็น 42 บาท
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ยอมรับว่า ต้นทุนการผลิตนมกล่องเพิ่มขึ้นจริง หลังจากที่ ครม.ได้อนุมัติให้ปรับราคาน้ำนมดิบขึ้นอีก กก.ละ 3 บาท โดยจากตัวเลขที่กรมการค้าภายในรายงานเข้ามา พบว่า ต้นทุนการผลิตนมบรรจุกล่องขนาด 250 ซีซี มีต้นทุนเพิ่มขึ้นกล่องละ 88 สตางค์ การอนุมัติให้ปรับราคาคงต้องให้ขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง ส่วนจะเป็นราคาเท่าใด คงต้องพิจารณารายละเอียดต่างๆ ก่อน
ส่วนน้ำมันพืช จะเรียกผู้ประกอบการทั้งน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์ม มาหารือในเร็วๆ นี้ หลังจากที่ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาอนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคา โดยได้ขอให้กรมการค้าภายใน ไปรวบรวมข้อมูลทั้งหมด ทั้งข้อมูลด้านต้นทุนวัตถุดิบ ราคาที่จะขอปรับขึ้น จากนั้นจะพิจารณาว่าจะอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาหรือไม่ เพราะสินค้าน้ำมันพืชเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ และหากปรับราคาประชาชนจะได้รับผลกระทบมาก
“จะว่าไปตามข้อเท็จจริง หากต้นทุนสูงขึ้น ก็จะพิจารณาให้ แต่จะเป็นเท่าใด ก็ต้องมาคุยกัน เพราะน้ำมันพืช คนใช้กันมาก การขึ้นราคาจะกระทบกับประชาชน ซึ่งเท่าที่ดู น้ำมันถั่วเหลือง วัตถุดิบเพิ่มขึ้นจริง แต่จะให้ปรับขึ้นหรือไม่เท่าใด ต้องพิจารณาก่อน ผมต้องมีข้อมูลทั้งหมด แล้วจะตัดสินใจ ส่วนน้ำมันปาล์ม ดูแล้ว ขณะนี้ผลปาล์มดิบราคาลดลง ไม่น่าที่จะต้องปรับราคา” นายไชยา กล่าว
นอกจากนี้ จะเรียกหารือผู้ประกอบการรายอื่นๆ ใน 19 กลุ่มสินค้า ที่ได้ขอปรับราคาเข้ามายังกรมการค้าภายในต่อไป เพราะขณะนี้น้ำมันได้ปรับราคาลดลง ทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลง ซึ่งหากสินค้าใด มีต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่มาก ก็จะขอให้มีการตรึงราคาไว้ก่อน แต่ถ้าต้นทุนเพิ่มขึ้น ก็ต้องเจรจากัน คงไม่ใช่ให้ปรับขึ้นราคาตามที่ขอมาทั้งหมด