ไออาร์พีซี ชะลอโครงการลงทุนปรับปรุงโรงกลั่น long residue มูลค่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หวั่นปัญหาซับไพรม์กระทบเงินกู้ และราคาน้ำมัน ขณะที่การส่งออกน้ำมันดีเซลซัลเฟอร์สูงไปเขมรยังคล่อง แต่หวั่นข้อพิพาทเขาพระวิหารทำชะงัก
นายปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ชะลอโครงการลงทุนปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันที่จะนำน้ำมันหนัก long residue มาปรับปรุงคุณภาพที่จะต้องลงทุนเพิ่มอีก 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ออกไปก่อน จากเดิมที่จะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารบริษัท เพื่อขอความเห็นชอบการลงทุนใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้ เพราะบริษัทต้องทบทวนแหล่งเงินลงทุน เนื่องจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ของสหรัฐฯ ทำให้การหาเงินกู้ลำบาก และภาวะราคาน้ำมันยังคงผันผวน โดยหากราคาน้ำมันดิบต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ก็อาจจะไม่คุ้มการลงทุน
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี มีการคืนทุนได้เพียง 4-5 ปี เพราะทำให้การกลั่นน้ำมันเต็มที่ 260,000 บาร์เรล/วัน และนำ long residue ซึ่งเป็นน้ำมันหนักที่ขายราคาถูก มาผลิตเป็นน้ำมันใสที่มีราคาสูงกว่า รวมทั้งได้แนฟธา ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น 7 แสนตันกว่าตัน/ปี
ตามแผนลงทุนที่ได้รับการอนุมัติเม็ดเงินปรับปรุงกำลังผลิต 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ โดยในปี 2551 จะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นส่วนของการสร้างโรงไฟฟ้า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นมาอยู่ในระดับ 120-140 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อการบริหารกระแสเงินสดในบริษัท เพราะมีภาระในการสต๊อกน้ำมันดิบและสินค้าเพิ่มขึ้นมาเป็นวงเงินสูงถึงมาก เช่น กรณีน้ำมันดิบที่สต๊อก ร้อยละ 5 หรือ 2.6 ล้านบาร์เรล วงเงินสต็อกต้องเพิ่มขึ้นจาก 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาเป็น 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายสุพล ทับทิมจรูญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารและแผนธุรกิจ บมจ.ไออาร์พีซี กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซ เป็นเชื้อเพลิงขนาด 200 เมกะวัตต์ว่า ขณะนี้บริษัทเตรียมยื่นข้อมูลเพิ่มเติมให้อีไอเอเพื่ออนุมัติโครงการ ขณะเดียวกัน ก็ได้มีการประกวดราคาก่อสร้างแล้ว รอเพียงการอนุมัติอีไอเอเท่านั้น ก็จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้เลย
โครงการดังกล่าวจะช่วยลดมลภาวะจากเดิมที่บริษัทนำน้ำมันเตามาใช้เป็นเชื้อเพลิงในหม้อต้มเพื่อนำไอน้ำไปใช้ในการบวนการผลิต และยังลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าตกหรือดับของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ด้วย
จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลงในช่วงนี้ ทำให้ราคาเม็ดพลาสติกปรับตัวลดลงตามแต่ไม่รุนแรงมากนัก โดยราคาเม็ดพลาสติกHDPE อยู่ที่ 1,650 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน และ PP 1,700 เหรียญสหรัฐฯ จากเดิมที่เคยพุ่งไปถึง 1,700 กว่าเหรียญสหรัฐฯ/ตัน
ส่วนปัญหาข้อพิพาทประเด็นประสาทเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น นายสุพล กล่าวว่าขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว โดยยังส่งออกน้ำมันดีเซลซัลเฟอร์สูง น้ำมันเตาและน้ำมันหล่อลื่นไปยังเขมรได้อยู่ แต่หากยืดเยื้อออกไปก็ไม่แน่ใจว่าจะกระทบหรือไม่ ทั้งนี้ บริษัทส่งออกน้ำมันดังกล่าวปีละ 600-700 ล้านบาท
นายปิติ กล่าวอีกว่า ไออาร์พีซี ไม่มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แต่อย่างใดแม้หุ้นจะมีราคาต่ำ เพราะจากที่มีการศึกษา พบว่า ไม่มีประโยชน์ แต่บริษัทเน้นที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทั้งระบบ และปัญหาเรื่องพนักงาน ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำโครงการร่วมใจจาก ปรากฏว่า สามารถลดพนักงานจาก 8,000 คน เหลือประมาณกว่า 5,000 คน
นายปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ชะลอโครงการลงทุนปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันที่จะนำน้ำมันหนัก long residue มาปรับปรุงคุณภาพที่จะต้องลงทุนเพิ่มอีก 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ออกไปก่อน จากเดิมที่จะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารบริษัท เพื่อขอความเห็นชอบการลงทุนใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้ เพราะบริษัทต้องทบทวนแหล่งเงินลงทุน เนื่องจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ของสหรัฐฯ ทำให้การหาเงินกู้ลำบาก และภาวะราคาน้ำมันยังคงผันผวน โดยหากราคาน้ำมันดิบต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ก็อาจจะไม่คุ้มการลงทุน
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี มีการคืนทุนได้เพียง 4-5 ปี เพราะทำให้การกลั่นน้ำมันเต็มที่ 260,000 บาร์เรล/วัน และนำ long residue ซึ่งเป็นน้ำมันหนักที่ขายราคาถูก มาผลิตเป็นน้ำมันใสที่มีราคาสูงกว่า รวมทั้งได้แนฟธา ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น 7 แสนตันกว่าตัน/ปี
ตามแผนลงทุนที่ได้รับการอนุมัติเม็ดเงินปรับปรุงกำลังผลิต 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ โดยในปี 2551 จะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นส่วนของการสร้างโรงไฟฟ้า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นมาอยู่ในระดับ 120-140 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อการบริหารกระแสเงินสดในบริษัท เพราะมีภาระในการสต๊อกน้ำมันดิบและสินค้าเพิ่มขึ้นมาเป็นวงเงินสูงถึงมาก เช่น กรณีน้ำมันดิบที่สต๊อก ร้อยละ 5 หรือ 2.6 ล้านบาร์เรล วงเงินสต็อกต้องเพิ่มขึ้นจาก 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาเป็น 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายสุพล ทับทิมจรูญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารและแผนธุรกิจ บมจ.ไออาร์พีซี กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซ เป็นเชื้อเพลิงขนาด 200 เมกะวัตต์ว่า ขณะนี้บริษัทเตรียมยื่นข้อมูลเพิ่มเติมให้อีไอเอเพื่ออนุมัติโครงการ ขณะเดียวกัน ก็ได้มีการประกวดราคาก่อสร้างแล้ว รอเพียงการอนุมัติอีไอเอเท่านั้น ก็จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้เลย
โครงการดังกล่าวจะช่วยลดมลภาวะจากเดิมที่บริษัทนำน้ำมันเตามาใช้เป็นเชื้อเพลิงในหม้อต้มเพื่อนำไอน้ำไปใช้ในการบวนการผลิต และยังลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าตกหรือดับของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ด้วย
จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลงในช่วงนี้ ทำให้ราคาเม็ดพลาสติกปรับตัวลดลงตามแต่ไม่รุนแรงมากนัก โดยราคาเม็ดพลาสติกHDPE อยู่ที่ 1,650 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน และ PP 1,700 เหรียญสหรัฐฯ จากเดิมที่เคยพุ่งไปถึง 1,700 กว่าเหรียญสหรัฐฯ/ตัน
ส่วนปัญหาข้อพิพาทประเด็นประสาทเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น นายสุพล กล่าวว่าขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว โดยยังส่งออกน้ำมันดีเซลซัลเฟอร์สูง น้ำมันเตาและน้ำมันหล่อลื่นไปยังเขมรได้อยู่ แต่หากยืดเยื้อออกไปก็ไม่แน่ใจว่าจะกระทบหรือไม่ ทั้งนี้ บริษัทส่งออกน้ำมันดังกล่าวปีละ 600-700 ล้านบาท
นายปิติ กล่าวอีกว่า ไออาร์พีซี ไม่มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แต่อย่างใดแม้หุ้นจะมีราคาต่ำ เพราะจากที่มีการศึกษา พบว่า ไม่มีประโยชน์ แต่บริษัทเน้นที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทั้งระบบ และปัญหาเรื่องพนักงาน ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำโครงการร่วมใจจาก ปรากฏว่า สามารถลดพนักงานจาก 8,000 คน เหลือประมาณกว่า 5,000 คน