หาเสียงทั้งปี “เลี้ยบ” ตีปี๊บต่อเนื่อง โว “6 มาตรการ 6 เดือน” ร่างระเบียบเสร็จแล้ว คนอยู่หอพักราคาไม่เกิน 3 พันบาท ฟรีน้ำไฟตั้งแต่เดือน ก.ย.บังคับเจ้าของหอพักมาขึ้นทะเบียนภายใน 15 ส.ค.นี้
วานนี้ (24 ก.ค.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยความคืบหน้า “6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อไทยทุกคน” ว่า มาตรการที่จะเริ่มมีผล 1 ส.ค.นี้ มีความชัดเจนแล้วในส่วนของมาตรการลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปาได้ โดยการคิดค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนที่อาศัยในหอพัก แฟลต และคอนโดมิเนียม ขณะนี้รัฐบาลประกาศให้เจ้าของแฟลตและคอนโดมิเนียม ที่เรียกเก็บค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 3,000 บาท มาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิจากมาตรการดังกล่าวให้เท่าเทียมกับประชาชนที่อาศัยอยู่ตามบ้านทั่วไปภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้
“ต้องคิดค่าเช่าน้อยกว่า 3 พันบาท และมาทำสัญญายืนยันว่า มีผู้เช่าอยู่จริงเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งถ้าไม่มีมิเตอร์ก็จะมาหารเฉลี่ยตามจำนวนห้อง ถ้าคิดออกมาแล้วอยู่ในเกณฑ์ (วงเงินการใช้ไฟฟ้า-ประปา) ก็จะได้รับความช่วยเหลือ แต่ถ้าเกินก็ไม่ได้ น่าจะเริ่มได้ในรอบบิลเดือน ก.ย.แต่ถ้าเป็นบ้านเรือนทั่วไปจะเป็นรอบบิลเดือน ส.ค.” นพ.สุรพงษ์ กล่าว
จากมาตรการของรัฐบาลกำหนดว่า รัฐจะรับภาระค่าน้ำประปาแก่ผู้ใช้น้ำที่มีการใช้ไม่เกิน 50 ลบ.ม./เดือน ส่วนค่าไฟฟ้า รัฐจะรับภาระแก่ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วย/เดือน แต่ถ้าใช้ไฟฟ้า 80-150 หน่วย/เดือน รัฐจะออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง ส่วนมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถเมล์ของ ขสมก.และรถไฟชั้น 3 นั้น ทั้ง รถเมล์ ขสมก.และ รถไฟชั้น 3 จะมีการติดสติกเกอร์ข้างตัว เพื่อให้ประชาชนเห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นรถที่ให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น รถเมล์ฟรีเพื่อประชาชน และ รถไฟฟรีเพื่อประชาชน
สำหรับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่เป็นมาตรการเดียวที่จะเริ่มต้นแต่วันนี้ (25 ก.ค.) นั้น ตั้งแต่เวลา 24.00-05.00 น.จะมีการตรวจสอบสต๊อกน้ำมันตามสถานีบริการน้ำมันทุกแห่ง ดังนั้นในช่วงเวลาดังกล่าวจะหยุดให้บริการน้ำมัน แต่หากสถานีบริการน้ำมันใดตรวจสอบสต๊อกได้เร็วกว่านั้น ก็สามารถเปิดให้บริการก่อนเวลาได้
ทั้งนี้ สำนักงบประมาณจะประสานไปยังกระทรวงต้นสังกัดเพื่อจ่ายเงินชดเชยให้แก่รัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนในมาตรการดังกล่าวของรัฐบาล ทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งจะเริ่มจ่ายเงินชดเชยให้ได้ตั้งแต่ต้นงวด เพื่อให้รัฐวิสาหกิจเหล่านี้ได้มีเงินหมุนเวียนเพื่อใช้ในการให้บริการประชาชนต่อไป
วานนี้ (24 ก.ค.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยความคืบหน้า “6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อไทยทุกคน” ว่า มาตรการที่จะเริ่มมีผล 1 ส.ค.นี้ มีความชัดเจนแล้วในส่วนของมาตรการลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปาได้ โดยการคิดค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนที่อาศัยในหอพัก แฟลต และคอนโดมิเนียม ขณะนี้รัฐบาลประกาศให้เจ้าของแฟลตและคอนโดมิเนียม ที่เรียกเก็บค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 3,000 บาท มาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิจากมาตรการดังกล่าวให้เท่าเทียมกับประชาชนที่อาศัยอยู่ตามบ้านทั่วไปภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้
“ต้องคิดค่าเช่าน้อยกว่า 3 พันบาท และมาทำสัญญายืนยันว่า มีผู้เช่าอยู่จริงเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งถ้าไม่มีมิเตอร์ก็จะมาหารเฉลี่ยตามจำนวนห้อง ถ้าคิดออกมาแล้วอยู่ในเกณฑ์ (วงเงินการใช้ไฟฟ้า-ประปา) ก็จะได้รับความช่วยเหลือ แต่ถ้าเกินก็ไม่ได้ น่าจะเริ่มได้ในรอบบิลเดือน ก.ย.แต่ถ้าเป็นบ้านเรือนทั่วไปจะเป็นรอบบิลเดือน ส.ค.” นพ.สุรพงษ์ กล่าว
จากมาตรการของรัฐบาลกำหนดว่า รัฐจะรับภาระค่าน้ำประปาแก่ผู้ใช้น้ำที่มีการใช้ไม่เกิน 50 ลบ.ม./เดือน ส่วนค่าไฟฟ้า รัฐจะรับภาระแก่ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วย/เดือน แต่ถ้าใช้ไฟฟ้า 80-150 หน่วย/เดือน รัฐจะออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง ส่วนมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถเมล์ของ ขสมก.และรถไฟชั้น 3 นั้น ทั้ง รถเมล์ ขสมก.และ รถไฟชั้น 3 จะมีการติดสติกเกอร์ข้างตัว เพื่อให้ประชาชนเห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นรถที่ให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น รถเมล์ฟรีเพื่อประชาชน และ รถไฟฟรีเพื่อประชาชน
สำหรับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่เป็นมาตรการเดียวที่จะเริ่มต้นแต่วันนี้ (25 ก.ค.) นั้น ตั้งแต่เวลา 24.00-05.00 น.จะมีการตรวจสอบสต๊อกน้ำมันตามสถานีบริการน้ำมันทุกแห่ง ดังนั้นในช่วงเวลาดังกล่าวจะหยุดให้บริการน้ำมัน แต่หากสถานีบริการน้ำมันใดตรวจสอบสต๊อกได้เร็วกว่านั้น ก็สามารถเปิดให้บริการก่อนเวลาได้
ทั้งนี้ สำนักงบประมาณจะประสานไปยังกระทรวงต้นสังกัดเพื่อจ่ายเงินชดเชยให้แก่รัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนในมาตรการดังกล่าวของรัฐบาล ทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งจะเริ่มจ่ายเงินชดเชยให้ได้ตั้งแต่ต้นงวด เพื่อให้รัฐวิสาหกิจเหล่านี้ได้มีเงินหมุนเวียนเพื่อใช้ในการให้บริการประชาชนต่อไป