xs
xsm
sm
md
lg

น้ำมันพืชจ่อขึ้น 5 บ.1 ส.ค.นี้ “พาณิชย์” ผวา ปชช.แห่กักตุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” ยอมรับน้ำมันพืชเตรียมขยับราคาเพิ่มอีก 5 บาท/ขวดลิตร 1 ส.ค.นี้ สั่งตรวจเช็กสต๊อกด่วน หวั่นมีการแอบกักตุนสินค้า ขู่ฟ่อใครขึ้นก่อนโดนจับดำเนินคดีแน่ ขณะที่กลุ่มสินค้า 19 รายการ 1,439 ชนิด ยื่นเรื่องขอปรับราคาด้วย ชี้ต้นทุนผลิตแพงขึ้น

วันนี้ (24 ก.ค.) นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวยอมรับว่า อาจมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันพืนในสัปดาห์หน้าจริง ซึ่งขณะนี้ตนเองได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสต๊อก สินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลือง เพื่อป้องกันปัญหาการกักตุน และขายเกินราคา หลังจากที่คณะอนุกรรมการพิจารณาน้ำมันปาล์มได้มีมติให้น้ำมันปาล์มและถั่วเหลืองขนาดบรรจุขวด 1 ลิตร ปรับขึ้น 5 บาท ส่งผลให้น้ำมันปาล์มปรับจาก 47 บาท เพิ่มเป็น 52 บาท และน้ำมันถั่วเหลือง 49.50 บาท เพิ่มเป็น 55 บาท โดยมีผลในวันที่ 1 ส.ค.นี้

นายยรรยง ระบุว่า หากช่วงนี้รัฐบาลพบว่ามีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาไปก่อน ทางกรมฯ จะจัดการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ

โดยวานนี้ ผู้ประกอบการสินค้า 73 ราย ใน 19 กลุ่มสินค้า 1,439 รายการ ได้แก่ ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช ยางรถยนต์ แบตเตอรี่ ยารักษาโรค ผลิตภัณฑ์นม รองเท้านักเรียน ปลากระป๋อง น้ำปลา ผักกาดกระป๋อง น้ำยาซักฟอก น้ำมันพืช ปูนซีเมนต์ กาแฟผงและกาแฟสำเร็จรูป เส้นหมี่อบแห้ง อาหารกึ่งสำเร็จรูป ยากำจัดยุงแมลง เหล็ก และอาหารสัตว์ ได้ยื่นขอปรับราคามายังกรมการค้าภายใน หลังจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก

ทั้งนี้ กรมการค้าภายใน ได้พิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่าเตรียมปรับขึ้นสินค้าใน 4 รายการ ได้แก่ เหล็ก นม ปุ๋ยเคมี และอาหารสัตว์ เนื่องจากต้นทุนในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นจริง ส่วนน้ำมันพืชได้อนุมัติขึ้นราคาแล้วมีผลตั้งแต่ 1 ส.ค.นี้ เป็นต้นไป

สำหรับรายละเอียดการขอขึ้นราคาเหล็ก เส้นขอปรับเพิ่มจากตันละ 38,405 บาทต่อตัน เป็น 42,950 บาท เหล็กแผ่นขอปรับขึ้นจากตันละ 39,000 บาท เป็น 48,250 บาท โดยให้เหตุผลว่าวัตถุดิบในตลาดโลกปรับสูงขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์นม ได้แก่ นมข้นหวานและนมผงขาดมันเนย ขอปรับขึ้นกระป๋อง 390 กรัม จาก 23 บาท เป็น 34 บาท นมสด กล่อง 250 ซีซี จาก 9.50 บาท เป็น 11 บาท หลังจากต้นทุนน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 14.95 บาท เป็น 19.58 บาท รวมถึงนมผงขาดมันเนยเพิ่มขึ้นจากตันละ 4,200 บาท เป็น 4,600 บาท และน้ำนมดิบเพิ่มจากกิโลกรัมละ 14.50 บาท เป็น 16-18 บาท

ด้านปุ๋ยเคมีขอปรับจากตันละ 10,160- 20,050 บาท เป็น 14,200-32,800 บาท (ขึ้นอยู่กับสูตร) เพราะวัตถุดิบแม่ปุ๋ยขึ้นราคาถึง 126-332% ส่วนอาหารสัตว์ขอปรับราคา 2 รายการ คือ อาหารไก่เนื้อขนาดถุง 30 กิโลกรัม ขอปรับขึ้นจาก 436 บาท เป็น 532 บาท อาหารสุกรจาก 364 บาท เป็น 489 บาท หลังจากต้นทุนราคาข้าวโพดปรับสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.42 บาท เป็น 10.05 บาท กากถั่วเหลืองเพิ่มจาก 11.11 บาท เป็น 15 บาท ปลายข้าว 19.92 บาท เป็น 29.50 บาท

อย่างไรก็ตาม นโยบายการดูแลราคาสินค้าที่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบหมายให้กรมการค้าภายในนั้น กำหนดให้สินค้ากลุ่มของใช้ประจำวัน ตรึงราคาสินค้าไว้ก่อน ส่วนสินค้าที่นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ให้มีการปรับขึ้นราคาสมเหตุสมผลและช่วงเวลาที่เหมาะสม ขณะที่สินค้าที่สามารถใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ให้มีการหาวัตถุดิบทดแทน เพื่อลดต้นทุนการผลิตสินค้า

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการภาคเอกชนไม่สามารถแบกรับต้นทุนได้อีกต่อไป แต่เชื่อว่าการปรับขึ้นราคาคงจะปรับขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากปัจจุบันมีการแข่งขันค่อนข้างสูง

สำหรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลงเป็นผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจทั้งไทยและทั่วโลก และรัฐบาลเองก็ได้มีปรับลดภาษีสรรพมิตน้ำมันลง ก็จะทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลงได้อีก ส่งผลดีต่อต้นทุนค่าขนส่งให้ปรับตัวลดลงตาม โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้ต้นทุนการขนส่งจำนวนมาก เช่น ผักและผลไม้
กำลังโหลดความคิดเห็น