สสปน. คาดไมซ์ โกยรายได้กว่า 6 หมื่นล้านบาทเข้าประเทศ โว โตแค่ 20% แต่นำชาวต่างชาติเข้ามาประชุมสัมมนาทะลุเป้าเกิน ด้า น"ณัฐวุฒิ" ฝัน อนาคตเจาะตลาดโลกดึงกลุ่มแพทย์ ลั่น พร้อมดัน สสปน.เป็นหนึ่งในตะวันออกเฉียงใต้
นาย ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า ได้ปรับแผนการดำเนินงานใหม่ เพื่อรองรับนโยบายของภาครัฐที่ประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว และการลงทุน จึงถือโอกาสนี้ผลักดันให้ สสปน. โต 20% และคาดว่าปีนี้ MICE จะทำรายได้ให้ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 61,000 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 12.6% เชื่อว่าปีนี้จะมีข่าวดีเพราะ สสปน.ได้ประเมินแล้วว่า ตั้งแต่เราดำเนินงานมาเราถือว่าปีนี้ทะลุเป้าแน่นอน
"สำหรับปีนี้และปีหน้าจะเป็นปีแห่งการท่องเที่ยว และการลงทุน โดยจะเพิ่มการอัดฉีดเป็นนโยบายระยะสั้น เพราะต้องการเห็นผลโดยเร็วเราเสนอโครงการเข้าไปยังรัฐบาล 7 เรื่อง โดยเสนอเป็นโครงการ แทงบิลเลี่ยน (ขอบคุณนับล้านครั้ง) ถ้าเข้ามาในเมืองไทยเพื่อได้รับการบริการในด้านจัดสัมมนาของ สสปน. โดยเรามีข้อเสนอคือทำเป็นโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดคนเข้ามารับการบริการของเรา เช่นตัดสินใจในวันนี้ก็ได้วันนี้" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ในอนาคตข้างหน้า สสปน.จะส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE ของไทยโดยจะดำเนินการตลาดในเชิงรุก พร้อมผลักดันและยกระดับมาตรฐานการให้บริการอุตสาหกรรม MICE ของประเทศไทยสู่มาตรฐานสากล ทัดเทียมคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมประสานงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและเป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารองค์ความรู้ด้านอุตสาหกรรม MICE เป็นหลัก
นายณัฐวุฒิ เผยอีกว่า เราสามารถขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียได้ เพราะเรามีไทยทีมเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้งานของเราสำเร็จได้ ซึ่งไทยทีมที่ว่านี้ประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) กรมศุลกากร กรมส่งเสริมการส่งออก สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และด่านตรวจคนเข้าเมือง(ต.ม.)
อย่างไรก็ตาม สสปน.ยังเน้นการทำงานแบบที่มีภาพลักษณ์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังได้ทำงานเชิงรุกมาโดยตลอด และก็เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งได้แบ่งกลยุทธ์ในการทำงานออกเป็น 3 เรื่อง คือ
1.การดำเนินงานทางการตลาดเชิงรุกโดยมุ่งเน้นที่การประมูลสิทธิ์ การดึงงานและการเพิ่มจำนวนรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE เข้าประเทศ ซึ่งเราเข้าไปประสานงานกับออร์แกไนเซอร์ในแต่ละประเทศ 2.ค้นหาและสร้างวิธีการใหม่ๆในการเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE ให้แก่ประเทศไทย และ 3. ดำเนินการตลาดในเชิงรุก เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะเป็นจุดหมายหลักของอุตสาหกรรม MICE ในภูมิภาคเอเซีย
“เรามียุทธวิธีเจาะตลาด โดยการดึงงานใหญ่ระดับชาติ และระดับภูมิภาค หรืองานพรีเมี่ยมมาจัดในไทย ให้มากที่สุด ซึ่งต่อไปเราจะเจาะกลุ่มแพทย์เป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสมาคมของแพทย์เยอะมาก และมีกำลังเงินในการจัดประชุม แต่ขณะนี้ส่วนใหญ่ผู้ที่มารับบริการของเราจะมีทั้งมาจากแถบยุโรป อเมริกา และเอเชีย ประเทศที่มาบ่อยคือประเทศอินเดีย” นายณัฐวุฒิกล่าว
สสปน.จะไม่ทำงานซ้ำซ้อนกับภาคเอกชนแต่จะมุ่งช่วยอุดช่องว่างที่ภาคเอกชนไม่สามารถทำได้โดยลำพัง เช่นการประชาสัมพันธ์ประเทศในฐานะจุดหมายทางไมซ์เป็นเรื่องใหญ่และจำเป็นมาก
นอกจากนี้ การดึงงานเราจะดึงงานโดยตรง ส่วนเอกชนจะเป็นออแกไนเซอร์เราก็แท็กทีมกับเขาไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแพทย์ สาขาต่างๆในประเทศไทย คนเหล่านี้จะเป็นโต้โผในการดึงงานให้เรา
ล่าสุดได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และสโมสรไลออนส์ประเทศไทยจัดงาน ประชุมใหญ่ไลออนส์ สากล โดยมี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการจัดงาน ในวันที่ 23-27 มิ.ย.นี้ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าที่อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งจะมีสมาชิกสโมสรไลออนส์ประมาณ 25,000 คน กว่า 200 ประเทศ เข้าร่วมงาน คาดว่าจะนำรายได้เข้าประเทศกว่า 3,000 ล้านบาท
นาย ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า ได้ปรับแผนการดำเนินงานใหม่ เพื่อรองรับนโยบายของภาครัฐที่ประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว และการลงทุน จึงถือโอกาสนี้ผลักดันให้ สสปน. โต 20% และคาดว่าปีนี้ MICE จะทำรายได้ให้ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 61,000 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 12.6% เชื่อว่าปีนี้จะมีข่าวดีเพราะ สสปน.ได้ประเมินแล้วว่า ตั้งแต่เราดำเนินงานมาเราถือว่าปีนี้ทะลุเป้าแน่นอน
"สำหรับปีนี้และปีหน้าจะเป็นปีแห่งการท่องเที่ยว และการลงทุน โดยจะเพิ่มการอัดฉีดเป็นนโยบายระยะสั้น เพราะต้องการเห็นผลโดยเร็วเราเสนอโครงการเข้าไปยังรัฐบาล 7 เรื่อง โดยเสนอเป็นโครงการ แทงบิลเลี่ยน (ขอบคุณนับล้านครั้ง) ถ้าเข้ามาในเมืองไทยเพื่อได้รับการบริการในด้านจัดสัมมนาของ สสปน. โดยเรามีข้อเสนอคือทำเป็นโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดคนเข้ามารับการบริการของเรา เช่นตัดสินใจในวันนี้ก็ได้วันนี้" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ในอนาคตข้างหน้า สสปน.จะส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE ของไทยโดยจะดำเนินการตลาดในเชิงรุก พร้อมผลักดันและยกระดับมาตรฐานการให้บริการอุตสาหกรรม MICE ของประเทศไทยสู่มาตรฐานสากล ทัดเทียมคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมประสานงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและเป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารองค์ความรู้ด้านอุตสาหกรรม MICE เป็นหลัก
นายณัฐวุฒิ เผยอีกว่า เราสามารถขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียได้ เพราะเรามีไทยทีมเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้งานของเราสำเร็จได้ ซึ่งไทยทีมที่ว่านี้ประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) กรมศุลกากร กรมส่งเสริมการส่งออก สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และด่านตรวจคนเข้าเมือง(ต.ม.)
อย่างไรก็ตาม สสปน.ยังเน้นการทำงานแบบที่มีภาพลักษณ์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังได้ทำงานเชิงรุกมาโดยตลอด และก็เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งได้แบ่งกลยุทธ์ในการทำงานออกเป็น 3 เรื่อง คือ
1.การดำเนินงานทางการตลาดเชิงรุกโดยมุ่งเน้นที่การประมูลสิทธิ์ การดึงงานและการเพิ่มจำนวนรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE เข้าประเทศ ซึ่งเราเข้าไปประสานงานกับออร์แกไนเซอร์ในแต่ละประเทศ 2.ค้นหาและสร้างวิธีการใหม่ๆในการเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE ให้แก่ประเทศไทย และ 3. ดำเนินการตลาดในเชิงรุก เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะเป็นจุดหมายหลักของอุตสาหกรรม MICE ในภูมิภาคเอเซีย
“เรามียุทธวิธีเจาะตลาด โดยการดึงงานใหญ่ระดับชาติ และระดับภูมิภาค หรืองานพรีเมี่ยมมาจัดในไทย ให้มากที่สุด ซึ่งต่อไปเราจะเจาะกลุ่มแพทย์เป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสมาคมของแพทย์เยอะมาก และมีกำลังเงินในการจัดประชุม แต่ขณะนี้ส่วนใหญ่ผู้ที่มารับบริการของเราจะมีทั้งมาจากแถบยุโรป อเมริกา และเอเชีย ประเทศที่มาบ่อยคือประเทศอินเดีย” นายณัฐวุฒิกล่าว
สสปน.จะไม่ทำงานซ้ำซ้อนกับภาคเอกชนแต่จะมุ่งช่วยอุดช่องว่างที่ภาคเอกชนไม่สามารถทำได้โดยลำพัง เช่นการประชาสัมพันธ์ประเทศในฐานะจุดหมายทางไมซ์เป็นเรื่องใหญ่และจำเป็นมาก
นอกจากนี้ การดึงงานเราจะดึงงานโดยตรง ส่วนเอกชนจะเป็นออแกไนเซอร์เราก็แท็กทีมกับเขาไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแพทย์ สาขาต่างๆในประเทศไทย คนเหล่านี้จะเป็นโต้โผในการดึงงานให้เรา
ล่าสุดได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และสโมสรไลออนส์ประเทศไทยจัดงาน ประชุมใหญ่ไลออนส์ สากล โดยมี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการจัดงาน ในวันที่ 23-27 มิ.ย.นี้ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าที่อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งจะมีสมาชิกสโมสรไลออนส์ประมาณ 25,000 คน กว่า 200 ประเทศ เข้าร่วมงาน คาดว่าจะนำรายได้เข้าประเทศกว่า 3,000 ล้านบาท
