สยามโกลบอลเฮ้าส์ เดินหน้าเปิดสาขาปูพรมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ สร้างความจดจำตราสินค้ากับผู้บริโภค ก่อนรุกเข้าแข่งขันสมรภูมิเมืองกรุงที่ตลาดวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านที่การแข่งขันรุนแรง พร้อมไอพีโอไตรมาส 3 ปีนี้ระดมทุนพันล้านรองรับการขยายตัวของกิจการ
นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง เปิดเผยว่า แม้ว่าภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ แต่บริษัทยังมีความมั่นใจที่จะขยายการลงทุนโดยการเปิดสาขาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นตามเมืองสำคัญของประเทศ เช่น จังหวัดชลบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา และ กาฬสินธุ์ จากเดิมมี 5 สาขาในจังหวัดร้อยเอ็ด อุดรธานี ขอนแก่น เชียงใหม่ และระยอง
โดยการลงทุนในแต่ละสาขาจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาท มีพื้นที่ขายต่อสาขา 25,000-30,000 ตารางเมตร มีสินค้าให้ลูกค้าได้เลือกซื้อประมาณ 1 แสนรายการ หรือ 1 ล้านชิ้น ขายในราคาไม่แพงและบริการแบบ one stop service และรับประกันคืนสินค้าด้วยเงินสดภายใน 30 วันหรือคืนในบัญชีกรณีที่จ่ายผ่านบัตรเครดิต ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัทที่ได้เปรียบคู่แข่ง
“เราไม่หนักใจกับปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ เพราะเชื่อว่าตลาดยังมีดีมานด์ค่อนข้างสูงจากกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยและผู้ใช้ทั่วไปที่มีอยู่จำนวนมาก สังเกตได้จากยอดขายในแต่ละสาขาที่เติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นผลให้รายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% ทุกปี โดยรายได้รวมในปี 2550 มีรายได้ 3,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปี 2549 ที่มีรายได้ 2,672 ล้านบาท”
นายวิทูร กล่าวว่า การรุกเปิดสาขาแบบปูพรมในหัวเมืองต่างจังหวัดสำคัญที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงนั้นเป็นกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” เพื่อสร้างแบรนด์โกลบอลเฮ้าส์ให้เป็นที่รู้จัก และขยายฐานลูกค้าในวงกว้างมากขึ้นก่อนที่จะเข้ามาบุกตลาดในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง และหากเข้ามาเปิดสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ จริงคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจบริษัทเตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในไตรมาส 3/2551 นี้ คาดว่า จะได้เงินระดมทุนจำนวน 1,000 ล้านบาท จากการเสนอขายหุ้นสามัญให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 260 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท มีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งบริษัทมั่นใจว่า การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะประสบความสำเร็จ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ที่จะนำเสนอข้อมูลของบริษัท (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุน 11 จังหวัดทั่วประเทศได้เข้าใจในการดำเนินงานของบริษัท
นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง เปิดเผยว่า แม้ว่าภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ แต่บริษัทยังมีความมั่นใจที่จะขยายการลงทุนโดยการเปิดสาขาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นตามเมืองสำคัญของประเทศ เช่น จังหวัดชลบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา และ กาฬสินธุ์ จากเดิมมี 5 สาขาในจังหวัดร้อยเอ็ด อุดรธานี ขอนแก่น เชียงใหม่ และระยอง
โดยการลงทุนในแต่ละสาขาจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาท มีพื้นที่ขายต่อสาขา 25,000-30,000 ตารางเมตร มีสินค้าให้ลูกค้าได้เลือกซื้อประมาณ 1 แสนรายการ หรือ 1 ล้านชิ้น ขายในราคาไม่แพงและบริการแบบ one stop service และรับประกันคืนสินค้าด้วยเงินสดภายใน 30 วันหรือคืนในบัญชีกรณีที่จ่ายผ่านบัตรเครดิต ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัทที่ได้เปรียบคู่แข่ง
“เราไม่หนักใจกับปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ เพราะเชื่อว่าตลาดยังมีดีมานด์ค่อนข้างสูงจากกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยและผู้ใช้ทั่วไปที่มีอยู่จำนวนมาก สังเกตได้จากยอดขายในแต่ละสาขาที่เติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นผลให้รายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% ทุกปี โดยรายได้รวมในปี 2550 มีรายได้ 3,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปี 2549 ที่มีรายได้ 2,672 ล้านบาท”
นายวิทูร กล่าวว่า การรุกเปิดสาขาแบบปูพรมในหัวเมืองต่างจังหวัดสำคัญที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงนั้นเป็นกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” เพื่อสร้างแบรนด์โกลบอลเฮ้าส์ให้เป็นที่รู้จัก และขยายฐานลูกค้าในวงกว้างมากขึ้นก่อนที่จะเข้ามาบุกตลาดในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง และหากเข้ามาเปิดสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ จริงคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจบริษัทเตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในไตรมาส 3/2551 นี้ คาดว่า จะได้เงินระดมทุนจำนวน 1,000 ล้านบาท จากการเสนอขายหุ้นสามัญให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 260 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท มีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งบริษัทมั่นใจว่า การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะประสบความสำเร็จ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ที่จะนำเสนอข้อมูลของบริษัท (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุน 11 จังหวัดทั่วประเทศได้เข้าใจในการดำเนินงานของบริษัท