“อภิรักษ์” เตรียมหารืออัยการสูงสุด-มหาดไทย และรัฐบาล ถึงทางออกการบอกเลิกสัญญาจัดซื้อรถดับเพลิงฉาวที่ “หมัก” ทำไว้ พร้อมขอคืนสินค้าตลอดจนเรียกรับเงินค่างวดที่จ่ายไปแล้วคืนทั้งหมดทันที หาก คตส.ชุดใหญ่สรุปคดีทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิงฉาวเสร็จเรียบร้อย
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีรถและเรือดับเพลิงของ กทม.มูลค่า 6,687 ล้านบาท ที่คณะอนุฯมีผลสรุปออกมาว่าตนเองจะหลุดคดี ว่า ขณะนี้เป็นเพียงมติของคณะอนุฯ เท่านั้น ตนขอรอกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชุดใหญ่ให้มีความชัดเจน และมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการก่อน หลังจากนั้นผู้บริหารกทม. จึงจะพิจารณาในเรื่องเกี่ยวกับตัวโครงการการจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิง ซึ่งจำเป็นจะต้องประสานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กระทรวงมหาดไทย รัฐบาล และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงแนวทางว่าจะสามารถบอกเลิกสัญญาอย่างไรที่ทำให้ กทม.ไม่เสียประโยชน์น้อยที่สุด แม้ว่าที่ผ่านมา คตส.จะสรุปว่าสัญญาการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงเป็นโมฆียะก็ตาม แต่จนถึงบัดนี้ คตส.ก็ยังไม่ส่งสำนวนการตรวจสอบมาให้ กทม.อย่างเป็นทางการจึงยังไม่สามารถบอกเลิกสัญญาได้
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน หากหาข้อสรุปเรื่องการบอกเลิกสัญญาได้แล้ว ขั้นตอนต่อไป ก็คือ การเรียกรับเงินค่างวดที่ได้ชำระไปแล้วคืนจากคู่สัญญา บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์ซอยย์ ประเทศออสเตรีย ซึ่งที่ผ่านมา กทม.ชำระเงินผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ไปแล้ว 3 งวด รวมกว่า 2,000 ล้านบาทแล้ว และจะต้องชำระเงินงวดที่ 4 ในเดือน ส.ค.นี้ รวมทั้งกระบวนการคืนรถทั้ง 2 งวด ที่บริษัทคู่สัญญาจัดส่งมาให้หมดแล้ว แต่ กทม.ยังไม่ทำการตรวจรับสินค้าเพราะรอให้กระบวนตรวจสอบทุกอย่างเสร็จสิ้น ซึ่งขณะนี้ก็เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก็จะได้ข้อสรุปแล้ว ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นก่อน
“ส่วนการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อีกสมัยนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้อง ทั้งประชาชนและทางพรรค ที่ยังไม่ได้หารืออย่างเป็นทางการ” นายอภิรักษ์ กล่าว
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีรถและเรือดับเพลิงของ กทม.มูลค่า 6,687 ล้านบาท ที่คณะอนุฯมีผลสรุปออกมาว่าตนเองจะหลุดคดี ว่า ขณะนี้เป็นเพียงมติของคณะอนุฯ เท่านั้น ตนขอรอกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชุดใหญ่ให้มีความชัดเจน และมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการก่อน หลังจากนั้นผู้บริหารกทม. จึงจะพิจารณาในเรื่องเกี่ยวกับตัวโครงการการจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิง ซึ่งจำเป็นจะต้องประสานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กระทรวงมหาดไทย รัฐบาล และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงแนวทางว่าจะสามารถบอกเลิกสัญญาอย่างไรที่ทำให้ กทม.ไม่เสียประโยชน์น้อยที่สุด แม้ว่าที่ผ่านมา คตส.จะสรุปว่าสัญญาการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงเป็นโมฆียะก็ตาม แต่จนถึงบัดนี้ คตส.ก็ยังไม่ส่งสำนวนการตรวจสอบมาให้ กทม.อย่างเป็นทางการจึงยังไม่สามารถบอกเลิกสัญญาได้
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน หากหาข้อสรุปเรื่องการบอกเลิกสัญญาได้แล้ว ขั้นตอนต่อไป ก็คือ การเรียกรับเงินค่างวดที่ได้ชำระไปแล้วคืนจากคู่สัญญา บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์ซอยย์ ประเทศออสเตรีย ซึ่งที่ผ่านมา กทม.ชำระเงินผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ไปแล้ว 3 งวด รวมกว่า 2,000 ล้านบาทแล้ว และจะต้องชำระเงินงวดที่ 4 ในเดือน ส.ค.นี้ รวมทั้งกระบวนการคืนรถทั้ง 2 งวด ที่บริษัทคู่สัญญาจัดส่งมาให้หมดแล้ว แต่ กทม.ยังไม่ทำการตรวจรับสินค้าเพราะรอให้กระบวนตรวจสอบทุกอย่างเสร็จสิ้น ซึ่งขณะนี้ก็เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก็จะได้ข้อสรุปแล้ว ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นก่อน
“ส่วนการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อีกสมัยนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้อง ทั้งประชาชนและทางพรรค ที่ยังไม่ได้หารืออย่างเป็นทางการ” นายอภิรักษ์ กล่าว