พบปัญหา โฆษณาออนไลน์ไม่โต เหตุลูกค้าไม่มั่นใจศักยภาพของสื่อ "ซีเนอร์จี อี" คว้าโอกาส สวมบท แอดเวอร์ไทซิ่ง เน็ตเวิร์ค นำเทคโนโลยี Ad server ของ DoubleClick เข้าช่วย หวังเปิดตลาดอินเทอร์เน็ตให้บูมมากขึ้น พร้อมเปลี่ยนมาตรฐานราคาการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตให้อยู่ในเรตเดียวกัน ล่าสุดหลังเปิดตัวธุรกิจ ได้พาร์ทเนอร์เว็บไซต์ ร่วม 30 เว็บ พร้อมกุมลูกค้าซื้อสื่อออนไลน์ในมือไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์ มั่นใจสิ้นปีรับทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านบาท
นายวรพล มะระยงค์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ซีเนอร์จี อี จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตัวเลขของการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในประเทศนั้น ต่อปียังมีการเติบโตไม่ถึง 1% เมื่อเทียบกับตลาดโฆษณาโดยรวม ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่ามีสาเหตุสำคัญๆอยู่หลายข้อ ไม่ว่าจะเป็น จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่ยังมีน้อยอยู่ ประมาณ 13.4 ล้านคนในปีนี้ รวมถึงราคาการใช้บริการอินเทอร์เน็ตยังสูง ขณะที่จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีจำนวนประมาณ 4 ล้านคนเท่านั้น และที่สำคัญที่สุด ลูกค้าที่ใช้สื่ออินเตอร์เน็ต ยังไม่มั่นใจถึงประสิทธิภาพของสื่อออนไลน์ว่าจะได้ผลจริงหรือไม่ หรือเป็นไปตามที่รายงานกลับมาหรือไม่ว่า มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตให้ความสนใจคลิกเข้ามาชมโฆษณาตามที่รายงาน
ดังนั้นจากปัญหาดังกล่าว ทำให้บริษัทฯเห็นโอกาสในการเข้ามาดำเนินธุรกิจสื่อออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตนี้ โดยได้วางตัวเองเป็น แอดเวอร์ไทซิ่ง เน็ตเวิร์ค ทำหน้าที่ขายโฆษณาออนไลน์ ระหว่างลูกค้ากับทางเว็บไซด์ เพราะมองเห็นเทรนด์ว่า สื่อออนไลน์กำลังแนวโน้มที่จะเติบโตค่อนข้างมากในอนาคต อีกทั้งตลาดนี้ยังไม่มีคู่แข่ง ดังนั้นการเข้าบุกตลาดนี้ก่อนย่อมได้เปรียบ
นายภานุพงศ์ พูลทวี ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและกลยุทธ์ บริษัท ซีเนอร์จี อี จำกัด กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามบริษัทฯเพิ่งเริ่มทำงานจริงในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ภายใต้กลยุทธ์ 3 ส่วนคือ 1. Reach ว่าสื่อที่ลงนั้นเข้าถึงจำนวนคนที่ต้องการได้หรือไม่ 2. Engagement การมีสวนร่วมจากการคลิกเข้ามาดูโฆษณา และ 3.Conversion การแปลงค่าของการลงโฆษณาว่าต้องการอะไรกลับมาบ้าง สำหรับนำเสนอลูกค้า
ทั้งนี้จากกลยุทธ์ดังกล่าว บริษัทฯสามารถรวบรวมเว็บไซต์ต่างๆเข้าเป็นพันธมิตร และอีกทางหนึ่ง คือ การเข้าไปให้คำแนะนำให้ความรู้แก่เจ้าของสินค้า รวมทั้งเอเจนซี่ให้รู้ถึงเรตราคามาตรฐานใหม่ ที่จะนำมาใช้ผ่านเทคโนโลยี Ad server ของ DoubleClick ซึ่งมีมาตรฐานระดับโลก ได้เห็นถึงประสิทธิภาพของการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตกลับมาว่า มีจำนวนผู้คลิกดูโฆษณาจำนวนกี่ครั้ง และยังสามารถต่อยอดไปสู่การสร้างสรรค์โฆษณาใหม่ๆ ที่สามารถกำหนดได้ว่าต้องการให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตรายเดิม รับสื่อออนไลน์ได้กี่ครั้งด้วย และที่สำคัญที่สุด เป็นเครื่องมือที่จะชี้วัดระดับเม็ดเงินที่จะใช้ไปกับสื่อโฆษณาครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้จำนวนเว็บไซต์ที่เข้าร่วมร่วมกว่า 30 เว็บไซด์นี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มข่าว ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ ผู้จัดการ เครือมติชน หรือกลุ่มเนชั่น เพราะพบว่าคนส่วนใหญ่ที่นิยมอ่านข่าวบนอินเทอร์เน็ตเถือเป็นกลุ่มใหญ่ เมื่อเทียบกับคอนเท้นต์อื่นๆ ที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต จะใช้เวลาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์มากที่สุด ส่วนกลุ่มสินค้าที่เห็นแนวโน้มว่าหันมาใช้โฆษณาบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มการเงิน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและกลุ่มไอที
ส่วนลูกค้าที่ตอบตกลงใช้บริการผ่านซีเนอร์จี อีนั้น มีไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์โซนี่, เอชพี, โตโยต้า, ฮอนด้า, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัทหลักทรัพย์ซิโก้ และแคนนอน โดยเรตราคาโฆษณามาตรฐานจะคิดแบบ การคลิกที่จำนวน 1,000ครั้ง อยู่ที่ 125 บาท ซึ่งระยะเวลาขึ้นอยู่แต่ละแคมเปญ ทั้งนี้บริษัทฯมั่นใจว่าในสิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้อยู่ที่ 30-40ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเท่ากับตลาดการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในแต่ละปี
นายวรพล มะระยงค์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ซีเนอร์จี อี จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตัวเลขของการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในประเทศนั้น ต่อปียังมีการเติบโตไม่ถึง 1% เมื่อเทียบกับตลาดโฆษณาโดยรวม ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่ามีสาเหตุสำคัญๆอยู่หลายข้อ ไม่ว่าจะเป็น จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่ยังมีน้อยอยู่ ประมาณ 13.4 ล้านคนในปีนี้ รวมถึงราคาการใช้บริการอินเทอร์เน็ตยังสูง ขณะที่จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีจำนวนประมาณ 4 ล้านคนเท่านั้น และที่สำคัญที่สุด ลูกค้าที่ใช้สื่ออินเตอร์เน็ต ยังไม่มั่นใจถึงประสิทธิภาพของสื่อออนไลน์ว่าจะได้ผลจริงหรือไม่ หรือเป็นไปตามที่รายงานกลับมาหรือไม่ว่า มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตให้ความสนใจคลิกเข้ามาชมโฆษณาตามที่รายงาน
ดังนั้นจากปัญหาดังกล่าว ทำให้บริษัทฯเห็นโอกาสในการเข้ามาดำเนินธุรกิจสื่อออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตนี้ โดยได้วางตัวเองเป็น แอดเวอร์ไทซิ่ง เน็ตเวิร์ค ทำหน้าที่ขายโฆษณาออนไลน์ ระหว่างลูกค้ากับทางเว็บไซด์ เพราะมองเห็นเทรนด์ว่า สื่อออนไลน์กำลังแนวโน้มที่จะเติบโตค่อนข้างมากในอนาคต อีกทั้งตลาดนี้ยังไม่มีคู่แข่ง ดังนั้นการเข้าบุกตลาดนี้ก่อนย่อมได้เปรียบ
นายภานุพงศ์ พูลทวี ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและกลยุทธ์ บริษัท ซีเนอร์จี อี จำกัด กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามบริษัทฯเพิ่งเริ่มทำงานจริงในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ภายใต้กลยุทธ์ 3 ส่วนคือ 1. Reach ว่าสื่อที่ลงนั้นเข้าถึงจำนวนคนที่ต้องการได้หรือไม่ 2. Engagement การมีสวนร่วมจากการคลิกเข้ามาดูโฆษณา และ 3.Conversion การแปลงค่าของการลงโฆษณาว่าต้องการอะไรกลับมาบ้าง สำหรับนำเสนอลูกค้า
ทั้งนี้จากกลยุทธ์ดังกล่าว บริษัทฯสามารถรวบรวมเว็บไซต์ต่างๆเข้าเป็นพันธมิตร และอีกทางหนึ่ง คือ การเข้าไปให้คำแนะนำให้ความรู้แก่เจ้าของสินค้า รวมทั้งเอเจนซี่ให้รู้ถึงเรตราคามาตรฐานใหม่ ที่จะนำมาใช้ผ่านเทคโนโลยี Ad server ของ DoubleClick ซึ่งมีมาตรฐานระดับโลก ได้เห็นถึงประสิทธิภาพของการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตกลับมาว่า มีจำนวนผู้คลิกดูโฆษณาจำนวนกี่ครั้ง และยังสามารถต่อยอดไปสู่การสร้างสรรค์โฆษณาใหม่ๆ ที่สามารถกำหนดได้ว่าต้องการให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตรายเดิม รับสื่อออนไลน์ได้กี่ครั้งด้วย และที่สำคัญที่สุด เป็นเครื่องมือที่จะชี้วัดระดับเม็ดเงินที่จะใช้ไปกับสื่อโฆษณาครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้จำนวนเว็บไซต์ที่เข้าร่วมร่วมกว่า 30 เว็บไซด์นี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มข่าว ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ ผู้จัดการ เครือมติชน หรือกลุ่มเนชั่น เพราะพบว่าคนส่วนใหญ่ที่นิยมอ่านข่าวบนอินเทอร์เน็ตเถือเป็นกลุ่มใหญ่ เมื่อเทียบกับคอนเท้นต์อื่นๆ ที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต จะใช้เวลาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์มากที่สุด ส่วนกลุ่มสินค้าที่เห็นแนวโน้มว่าหันมาใช้โฆษณาบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มการเงิน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและกลุ่มไอที
ส่วนลูกค้าที่ตอบตกลงใช้บริการผ่านซีเนอร์จี อีนั้น มีไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์โซนี่, เอชพี, โตโยต้า, ฮอนด้า, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัทหลักทรัพย์ซิโก้ และแคนนอน โดยเรตราคาโฆษณามาตรฐานจะคิดแบบ การคลิกที่จำนวน 1,000ครั้ง อยู่ที่ 125 บาท ซึ่งระยะเวลาขึ้นอยู่แต่ละแคมเปญ ทั้งนี้บริษัทฯมั่นใจว่าในสิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้อยู่ที่ 30-40ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเท่ากับตลาดการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในแต่ละปี
