ทีวี ไดเร็ค ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจยุคข้าวยากหมากแพง หลังผ่าตัดโครงสร้างใหม่พลิกวิกฤตเป็นโอกาสหาช่องทางโต โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรกดันยอดเข้าเป้า 254 ล้านบาท กวาดยอดเกินเป้า 3%
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด เปิดเผยว่า แม้ช่วงต้นปีที่ผ่านมาประเทศไทยจะต้องเผชิญกับภาวะทางการเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่หลังสรุปผลประกอบการไตรมาสแรก ปรากฏว่า บริษัทสามารถทำยอดขายเข้าเป้าตามแผนงานที่วางไว้ โดยเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 54%
“ในปี 2551 นี้ ทีวี ไดเร็ค ตั้งเป้าหมายผลประกอบการไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 1 นี้ มีรายได้รวมอยู่ที่ 254 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2550 ที่ผ่านมา 54% ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 180 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 110% เพิ่มจากเป้าหมายที่วางไว้เล็กน้อยคือ 3% โดยสัดส่วนรายได้จาก 3 ช่องทางหลักแบ่งเป็น TV Marketing 45%, Direct Marketing 22% และ Retail Marketing 20% และรายได้จากฝ่ายอื่นๆ 13%”
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากปัจจัยบวกหลัก คือ 1.การปรับระบบจัดการภายในทั้ง การบริหารช่องทาง และการบริหารสินค้าให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มขึ้น 2.เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสหลังจากที่ช่องไอทีวีหายไป ทำให้ยอดขายหายไปด้วย การซื้อสื่อทีวีจึงต้องเปลี่ยนรูปแบบ ในการหาช่องทางวางสื่อทีวีแบบใหม่นี้เองทำให้เราค้นพบสื่อทีวีดาวเทียม ส่งผลให้ยอดขายมีอัตราเติบโตมากกว่าที่ประมาณไว้
3.การพัฒนาและบริหารฐานข้อมูลลูกค้าอย่างเต็มที่เป็นจำนวนกว่า 821,000 ราย ดังนั้นบริษัทจึงต้องเพิ่มจำนวนเทเลเซอร์วิสรวมแล้วกว่า 300 คน ส่งผลให้อัตราการซื้อซ้ำ สูงมากขึ้นกว่าที่ประมาณการถึง 40% 4.ทีวี ไดเร็ค ได้เริ่มบุกธุรกิจแคตตาล็อกอย่างจริงจัง เล่มแรกได้ส่งออกสู่กลุ่มลูกค้าทีวี ไดเร็ค จำนวน 800,000 เล่ม ซึ่งยอดขายดีมาก สำหรับเทรนด์สินค้าที่ ทีวี ไดเร็ค จะใช้เป็นกลยุทธ์ในไตรมาสที่สองนี้ ยังคงเน้นความคุ้มค่าของสินค้า การนำเสนอด้วยกลยุทธ์ Benefit Beyond Benefit
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ กล่าวถึงการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจซึ่งหลายบริษัทกำลังได้รับ ผลกระทบจากการ แบกรับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นว่า สำหรับ ทีวี ไดเร็ค ต้องรับมือกับภาวะต้นทุนการบริการที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าจัดส่ง ค่ากระจายสินค้า ตลอดจนค่าระวางขนส่งระหว่างประเทศซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่า
“แม้ว่าความแข็งแรงของเงินบาท ทำให้ต้นทุนสินค้าของเราลดลง ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยต้นทุนดำเนินการที่สูงขึ้น แต่อย่างน้อยก็ยังพอช่วยพยุงให้บริษัทสามารถจำหน่ายสินค้าให้ผู้บริโภคในราคาเดิมได้ โดยที่ยังแบกรับต้นทุนได้อยู่ และได้วางแผนระบบการขนส่งรูปแบบใหม่ จะทำให้เกิดความเสถียรภาพในต้นทุนค่าขนส่งและกระจายสินค้าได้ดีขึ้น”
ขณะที่ต้นทุนการตลาดยังมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 5% ส่วนใหญ่เป็นค่ากระดาษ ค่าสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ส่วนค่าติดต่อสื่อสาร ค่าโทรศัพท์มือถือลดลง ทำให้บริษัทยังไม่มีผลกระทบ ด้านนี้มากนัก พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ปรับแผนการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อรักษาความสมดุลของต้นทุนสินค้า ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม เครื่องออกกำลังกายที่ผลิตในประเทศไทย และสินค้าโอทอปบางรายการที่ได้รับความนิยมในแถบอินโดจีน
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด เปิดเผยว่า แม้ช่วงต้นปีที่ผ่านมาประเทศไทยจะต้องเผชิญกับภาวะทางการเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่หลังสรุปผลประกอบการไตรมาสแรก ปรากฏว่า บริษัทสามารถทำยอดขายเข้าเป้าตามแผนงานที่วางไว้ โดยเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 54%
“ในปี 2551 นี้ ทีวี ไดเร็ค ตั้งเป้าหมายผลประกอบการไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 1 นี้ มีรายได้รวมอยู่ที่ 254 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2550 ที่ผ่านมา 54% ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 180 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 110% เพิ่มจากเป้าหมายที่วางไว้เล็กน้อยคือ 3% โดยสัดส่วนรายได้จาก 3 ช่องทางหลักแบ่งเป็น TV Marketing 45%, Direct Marketing 22% และ Retail Marketing 20% และรายได้จากฝ่ายอื่นๆ 13%”
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากปัจจัยบวกหลัก คือ 1.การปรับระบบจัดการภายในทั้ง การบริหารช่องทาง และการบริหารสินค้าให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มขึ้น 2.เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสหลังจากที่ช่องไอทีวีหายไป ทำให้ยอดขายหายไปด้วย การซื้อสื่อทีวีจึงต้องเปลี่ยนรูปแบบ ในการหาช่องทางวางสื่อทีวีแบบใหม่นี้เองทำให้เราค้นพบสื่อทีวีดาวเทียม ส่งผลให้ยอดขายมีอัตราเติบโตมากกว่าที่ประมาณไว้
3.การพัฒนาและบริหารฐานข้อมูลลูกค้าอย่างเต็มที่เป็นจำนวนกว่า 821,000 ราย ดังนั้นบริษัทจึงต้องเพิ่มจำนวนเทเลเซอร์วิสรวมแล้วกว่า 300 คน ส่งผลให้อัตราการซื้อซ้ำ สูงมากขึ้นกว่าที่ประมาณการถึง 40% 4.ทีวี ไดเร็ค ได้เริ่มบุกธุรกิจแคตตาล็อกอย่างจริงจัง เล่มแรกได้ส่งออกสู่กลุ่มลูกค้าทีวี ไดเร็ค จำนวน 800,000 เล่ม ซึ่งยอดขายดีมาก สำหรับเทรนด์สินค้าที่ ทีวี ไดเร็ค จะใช้เป็นกลยุทธ์ในไตรมาสที่สองนี้ ยังคงเน้นความคุ้มค่าของสินค้า การนำเสนอด้วยกลยุทธ์ Benefit Beyond Benefit
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ กล่าวถึงการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจซึ่งหลายบริษัทกำลังได้รับ ผลกระทบจากการ แบกรับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นว่า สำหรับ ทีวี ไดเร็ค ต้องรับมือกับภาวะต้นทุนการบริการที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าจัดส่ง ค่ากระจายสินค้า ตลอดจนค่าระวางขนส่งระหว่างประเทศซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่า
“แม้ว่าความแข็งแรงของเงินบาท ทำให้ต้นทุนสินค้าของเราลดลง ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยต้นทุนดำเนินการที่สูงขึ้น แต่อย่างน้อยก็ยังพอช่วยพยุงให้บริษัทสามารถจำหน่ายสินค้าให้ผู้บริโภคในราคาเดิมได้ โดยที่ยังแบกรับต้นทุนได้อยู่ และได้วางแผนระบบการขนส่งรูปแบบใหม่ จะทำให้เกิดความเสถียรภาพในต้นทุนค่าขนส่งและกระจายสินค้าได้ดีขึ้น”
ขณะที่ต้นทุนการตลาดยังมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 5% ส่วนใหญ่เป็นค่ากระดาษ ค่าสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ส่วนค่าติดต่อสื่อสาร ค่าโทรศัพท์มือถือลดลง ทำให้บริษัทยังไม่มีผลกระทบ ด้านนี้มากนัก พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ปรับแผนการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อรักษาความสมดุลของต้นทุนสินค้า ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม เครื่องออกกำลังกายที่ผลิตในประเทศไทย และสินค้าโอทอปบางรายการที่ได้รับความนิยมในแถบอินโดจีน