แชนแนลวีทุ่ม 80 ล้านบาท เปลี่ยนฐาน ผงาดใจกลางเมือง ยึดพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร สยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมลุย ส.ค.นี้ หลังมีการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรขึ้น ได้ 2พันธมิตร ทรู และ จีเอ็มเอ็มมีเดีย เข้าถือหุ้น จัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่ ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 110 ล้านบาท แย้มเตรียมลุยสื่อนิวมีเดียใหม่ๆ ต่อยอด
ม.ร.ว.รุจยารักษ์ อาภากร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แชนแนลวี มิวสิค (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัทมาก ภายหลังจากที่บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ถอนหุ้นออกไป ล่าสุด เมื่อเดือน พ.ย.2550 บริษัทเปลี่ยนผู้ถือหุ้นอีกครั้ง โดยมี 3 กลุ่มใหญ่ที่เข้ามาถือหุ้น คือ 1.สตาร์ ถือหุ้น 49% 2.ทรู วิชั่นส์ 26% และ 3.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย 25% จดทะเบียนบริษัทขึ้นใหม่เป็น บริษัท แชนแนลวี มิวสิค (ไทยแลนด์) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 110 ล้านบาท
“ถือว่าแต่ละฝ่ายต่างได้ประโยชน์ด้วยกัน ทางจีเอ็มเอ็มจะไม่เข้ามาร่วมบริหาร แต่ก็ได้ประโยชน์จากแชนแนลวีที่จะสามารถนำเอาคอนเท้นท์ที่มีอยู่ ออกสู่สายตาชาวโลกได้ ภายใต้เครือข่ายของสตาร์ที่มีช่องรายการทั่วโลกกว่า 60 ช่อง ทาง ทรู วิชั่นส์ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นครั้งนี้ ก็สร้างความมั่นใจได้ว่าแชนแนลวีจะมีความมั่นคงในการออกอากาศทางทรูวิชั่นส์”
สำหรับเม็ดเงินของการร่วมทุนดังกล่าวกว่า 80 ล้านบาท ได้ถูกนำไปใช้ในส่วนของการย้ายออฟฟิศและสตูดิโอใหม่ของทางแชนแนลวีทั้งหมด ภายใต้พื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร บนชั้น 6 ณ ศูนย์การค้า สยามดิสคัฟเวอรี่ ขณะนี้เริ่มก่อสร้างไปได้กว่า 50% เชื่อว่า ภายในเดือนกรกฏาคมนี้ จะเริ่มทดสอบสัญญาณการออกอากาศได้ และภายในเดือนสิงหาคม จะเริ่มการทำงานภายใต้ที่ทำงานและสตูดิโอใหม่แห่งนี้ได้ตามกำหนด
สาเหตุที่ย้ายออฟฟิศและสตูดิโอมาสู่ใจกลางเมืองนี้ เนื่องจากที่เดิมนั้นคับแคบเกินไป ดังนั้นกว่า 2 ปีที่ทางบริษัทพยายามหาทำเลที่ตั้งใหม่ จนมาสรุปได้ที่สยามดิสคัฟเวอรี่แห่งนี้ ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงมาก เพราะเป็นแหล่งที่มีกลุ่มวัยรุ่น ที่เป็นฐานผู้ชมของทางแชนแนลวีด้วย จะสามารถสร้างสรรค์รายการและกิจกรรมใหม่สู่กลุ่มผู้ฟังได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
บริษัทได้วางแผนที่จะปรับปรุงรูปแบบรายการใหม่ ให้สามารถแข่งขันได้กับช่องรายการเพลงอื่นๆ ได้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ความเป็นมิวสิคแอนด์ไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาเรื่องของการออกกำลังกาย หรือเรื่องของการศึกษามาเป็นธีมในการสร้างสรรค์รายการใหม่แทนรายการเดิมที่มีอยู่ โดยจะมีการจัดรายการประมาณ 20 รายการ และเป็นรายการสดเพียง 3-3.30 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น จากเดิมที่ แชนแนลวี มีรายการที่ผลิตออกอากาศ เวลานี้ กว่า 26 รายการ ทั้งนี้ การดำเนินงานจะต้องอยู่ภายใต้การสื่อสารในรูปแบบอินเตอร์แอกทีฟ โดยให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับรายการต่างๆที่นำเสนอออกไปด้วย
สำหรับเรื่องการทำกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้ชมมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นนั้น สามารถทำได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการจัดรายการสด และให้ผู้ชมสามารถเข้าไปดูการจัดรายการสดได้ ร่วมเล่นเกม ผ่านระบบการสื่อสาร หรือแม้แต่การเชิญศิลปิน นักร้องนักแสดง มาออกรายการ ก็สามารถนำภาพสัญญาณมาสู่หน้าจอแอลอีดี 3 จอ ที่ทางสยามพิวรรธน์ เข้ามาเทคโอเวอร์กับทางชีส สตูดิโอ ซึ่งทางบริษัทมองว่า มีความน่าสนใจในการที่จะเข้าร่วมธุรกิจกับสยามพิวรรธน์ ที่จะนำเอาคอนเทนต์ต่างๆ มานำเสนอผ่านจอแอลอีดีทั้ง 3 จอ บริเวณลานตรงกลางระหว่างสยามเซ็นเตอร์และสยามพารากอนต่อไปด้วย
บริษัทเตรียมที่จะรุกสู่ช่องทางนิวมีเดียเป็นอันดับต่อไป ซึ่งในเร็วๆ นี้ ได้ทำการเจรจาตกลงร่วมกับเว็บไซต์ MySpace ที่จะมีการนำเอาคอนเท้นต์รายการ I AM SIAM มานำเสนอ
ม.ร.ว.รุจิยารักษ์ กล่าวต่อว่า รายได้ที่คาดว่าจะเห็นในปีนี้ อาจจะต้องเลื่อนไปสู่ปีหน้า จากการที่มีการปรับการทำงานและการย้ายออฟฟิศ แต่เชื่อว่าทั้งปีน่าจะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 5% มาจาก เน็ตเวิร์ค 50% และร่วมผลิตรายการ กับการจัดกิจกรรมอีก 50% หรือยังคงมีส่วนแบ่งรายได้ที่ 30% จากช่องรายการเพลงของทาง ทรู วิชั่นส์ ทั้งหมด ที่คาดว่า ต่อเดือนจะมีรายได้รวมประมาณ 10 ล้านบาท
ม.ร.ว.รุจยารักษ์ อาภากร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แชนแนลวี มิวสิค (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัทมาก ภายหลังจากที่บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ถอนหุ้นออกไป ล่าสุด เมื่อเดือน พ.ย.2550 บริษัทเปลี่ยนผู้ถือหุ้นอีกครั้ง โดยมี 3 กลุ่มใหญ่ที่เข้ามาถือหุ้น คือ 1.สตาร์ ถือหุ้น 49% 2.ทรู วิชั่นส์ 26% และ 3.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย 25% จดทะเบียนบริษัทขึ้นใหม่เป็น บริษัท แชนแนลวี มิวสิค (ไทยแลนด์) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 110 ล้านบาท
“ถือว่าแต่ละฝ่ายต่างได้ประโยชน์ด้วยกัน ทางจีเอ็มเอ็มจะไม่เข้ามาร่วมบริหาร แต่ก็ได้ประโยชน์จากแชนแนลวีที่จะสามารถนำเอาคอนเท้นท์ที่มีอยู่ ออกสู่สายตาชาวโลกได้ ภายใต้เครือข่ายของสตาร์ที่มีช่องรายการทั่วโลกกว่า 60 ช่อง ทาง ทรู วิชั่นส์ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นครั้งนี้ ก็สร้างความมั่นใจได้ว่าแชนแนลวีจะมีความมั่นคงในการออกอากาศทางทรูวิชั่นส์”
สำหรับเม็ดเงินของการร่วมทุนดังกล่าวกว่า 80 ล้านบาท ได้ถูกนำไปใช้ในส่วนของการย้ายออฟฟิศและสตูดิโอใหม่ของทางแชนแนลวีทั้งหมด ภายใต้พื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร บนชั้น 6 ณ ศูนย์การค้า สยามดิสคัฟเวอรี่ ขณะนี้เริ่มก่อสร้างไปได้กว่า 50% เชื่อว่า ภายในเดือนกรกฏาคมนี้ จะเริ่มทดสอบสัญญาณการออกอากาศได้ และภายในเดือนสิงหาคม จะเริ่มการทำงานภายใต้ที่ทำงานและสตูดิโอใหม่แห่งนี้ได้ตามกำหนด
สาเหตุที่ย้ายออฟฟิศและสตูดิโอมาสู่ใจกลางเมืองนี้ เนื่องจากที่เดิมนั้นคับแคบเกินไป ดังนั้นกว่า 2 ปีที่ทางบริษัทพยายามหาทำเลที่ตั้งใหม่ จนมาสรุปได้ที่สยามดิสคัฟเวอรี่แห่งนี้ ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงมาก เพราะเป็นแหล่งที่มีกลุ่มวัยรุ่น ที่เป็นฐานผู้ชมของทางแชนแนลวีด้วย จะสามารถสร้างสรรค์รายการและกิจกรรมใหม่สู่กลุ่มผู้ฟังได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
บริษัทได้วางแผนที่จะปรับปรุงรูปแบบรายการใหม่ ให้สามารถแข่งขันได้กับช่องรายการเพลงอื่นๆ ได้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ความเป็นมิวสิคแอนด์ไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาเรื่องของการออกกำลังกาย หรือเรื่องของการศึกษามาเป็นธีมในการสร้างสรรค์รายการใหม่แทนรายการเดิมที่มีอยู่ โดยจะมีการจัดรายการประมาณ 20 รายการ และเป็นรายการสดเพียง 3-3.30 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น จากเดิมที่ แชนแนลวี มีรายการที่ผลิตออกอากาศ เวลานี้ กว่า 26 รายการ ทั้งนี้ การดำเนินงานจะต้องอยู่ภายใต้การสื่อสารในรูปแบบอินเตอร์แอกทีฟ โดยให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับรายการต่างๆที่นำเสนอออกไปด้วย
สำหรับเรื่องการทำกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้ชมมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นนั้น สามารถทำได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการจัดรายการสด และให้ผู้ชมสามารถเข้าไปดูการจัดรายการสดได้ ร่วมเล่นเกม ผ่านระบบการสื่อสาร หรือแม้แต่การเชิญศิลปิน นักร้องนักแสดง มาออกรายการ ก็สามารถนำภาพสัญญาณมาสู่หน้าจอแอลอีดี 3 จอ ที่ทางสยามพิวรรธน์ เข้ามาเทคโอเวอร์กับทางชีส สตูดิโอ ซึ่งทางบริษัทมองว่า มีความน่าสนใจในการที่จะเข้าร่วมธุรกิจกับสยามพิวรรธน์ ที่จะนำเอาคอนเทนต์ต่างๆ มานำเสนอผ่านจอแอลอีดีทั้ง 3 จอ บริเวณลานตรงกลางระหว่างสยามเซ็นเตอร์และสยามพารากอนต่อไปด้วย
บริษัทเตรียมที่จะรุกสู่ช่องทางนิวมีเดียเป็นอันดับต่อไป ซึ่งในเร็วๆ นี้ ได้ทำการเจรจาตกลงร่วมกับเว็บไซต์ MySpace ที่จะมีการนำเอาคอนเท้นต์รายการ I AM SIAM มานำเสนอ
ม.ร.ว.รุจิยารักษ์ กล่าวต่อว่า รายได้ที่คาดว่าจะเห็นในปีนี้ อาจจะต้องเลื่อนไปสู่ปีหน้า จากการที่มีการปรับการทำงานและการย้ายออฟฟิศ แต่เชื่อว่าทั้งปีน่าจะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 5% มาจาก เน็ตเวิร์ค 50% และร่วมผลิตรายการ กับการจัดกิจกรรมอีก 50% หรือยังคงมีส่วนแบ่งรายได้ที่ 30% จากช่องรายการเพลงของทาง ทรู วิชั่นส์ ทั้งหมด ที่คาดว่า ต่อเดือนจะมีรายได้รวมประมาณ 10 ล้านบาท