ผู้จัดการรายวัน – “จักรภพ” เร่งเดินสายเข้าตรวจแถวสื่อทีวี ไทยพีบีเอสคิวต่อไป อยากรู้แจ้งเอาภาษี 2 พันล้านบาทไปทำอะไรบ้าง ประกาศเตรียมฟันรายการที่มีโฆษณาแฝงทั้งทรูวิชั่นส์ และเอ็นบีที สัปดาห์หน้าตรวจเยี่ยม อสมท หวังจดจ้องการคัดเลือกบอร์ด เผยเตรียมตั้งกองทุนสวัสดิการอุ้มพนักงานเอ็นบีที
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานที่ตนรับผิดชอบในส่วนของสื่อมวลชน ขณะนี้ยังคงให้ความสำคัญกับทางเอ็นบีทีก่อน แต่ในระยะอันใกล้นี้มีแผนที่จะส่งหนังสือไปยังสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ทีวีไทย หรือไทยพีบีเอส เพื่อขอเยี่ยมชมและรับฟังนโยบายและแนวทางในการดำเนินงานของไทยพีบีเอส สู่ความเป็นทีวีสาธารณะ ว่ามีแนวทางดำเนินงานอย่างไรบ้าง
“แม้ว่าจะรู้ว่ารัฐบาลไม่มีสิทธิ์เข้าไปควบคุมหรือกำกับดูแลไทยพีบีเอสก็ตาม
แต่ในฐานะที่ตนมีหน้าที่ดูแลสื่อ จึงอยากที่จะเข้าไปเยี่ยมชมพร้อมทั้งขอฟังแนวนโยบายการทำงาน ของทีวีไทยบ้าง โดยจะขอดูในภาพรวม ส่วนใดที่จะสนับสนุนได้ก็จะเข้าไปช่วย ส่วนกรณีที่ไทยพีบีเอสได้งบประมาณไปจากเงินภาษีมากถึง 2,000 ล้านบาทนั้น จึงอยากจะรู้ว่ามีการบริหารจัดการสู่ความเป็นทีวีสาธารณะเหมาะสมหรือไม่อีกด้วย”
แหล่งข่าวจากสถานีไทยพีบีเอส กล่าวว่า หากนายจักรภพต้องการจะเข้ามาตรวจเยี่ยมชมไทยพีบีเอสก็เป็นเรื่องที่ดี เชิญมาตรวจเลย เพราะที่นี่ทำงานโปร่งใส มีระบบ ระเบียบ ชัดเจน ไม่มีคำครหา แต่ขออย่างเดียวอย่ามาจ้องจับผิดก็แล้วกัน ส่วนประเด็นงบประมาณ 2,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลจะนำมาจากภาษีบาปที่จะนำมาพัฒนาที่ช่องไทยพีบีเอสนั้น ก็เป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ แต่งบประมาณก้อนแรก 300 กว่าล้านบาทนั้น ทางไทยพีบีเอสยังไม่ได้รับมาเลย ยังไงก็ขอให้ช่วยจัดการเรื่องนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเข้าไปเยี่ยมทีวีไทยหรือไทยพีบีเอส ในสัปดาห์หน้าจะมีการเข้าไปดูแล บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ก่อน เพราะเป็นสัปดาห์ที่จะมีการประชุมผู้ถือหุ้น อสมท และจะมีการพิจารณารายชื่อผู้ที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการหรือบอร์ด อสมท ชุดใหม่ที่ว่างลง 9 ตำแหน่ง จึงอยากที่รับทราบข้อมูลด้านการบริหารจัดการภายในองค์กร การประกอบกิจการ ทิศทางเนื้อหาสาระของรายการสู่สายตาประชาชน พร้อมทั้งจะมอบนโยบายจากทางภาครัฐให้บางส่วนเพื่อนำไปดำเนินการต่อ
นายจักรภพ กล่าวต่อว่า สำหรับการเข้าไปดูแล อสมท ครั้งนี้ ยังหมายรวมถึง ทรูวิชั่นส์ ด้วย ในกรณีเรื่องของการมีโฆษณาแฝงหรือ tie in หรือรูปแบบ pass-through เพราะตามสัญญาที่ทางทรู วิชั่นส์ได้ทำไว้กับอสมท ลงไว้ชัดเจนว่า ไม่สามารถมีโฆษณาได้ แต่ที่ผ่านมากลับพบว่า บางรายการที่ซื้อมาจากต่างประเทศจะมีโฆษณาติดมาด้วย ก็มีการเผยแพร่ออกมาอย่างนั้น ซึ่งตรงนี้มองว่าไม่สามารถทำได้ จึงต้องมีมาตรการเข้าไปควบคุมมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้มองว่าจะมีการปรึกษาหารือกับองค์กรที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยกันดูว่าการทำโฆษณาแฝงเช่นนี้ เห็นสมควรให้ทำต่อไปหรือไม่ ขณะนี้มูลค่าของการทำโฆษณาแฝงนี้ค่อนข้างสูง และเป็นช่องว่างของกฎหมายที่เอาผิดได้ยาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันหลังจากที่มีการปรับช่อง 11 สู่ความเป็นทีวีสาธารณะในชื่อใหม่ NBT ตั้งแต่ 1 เมษายนที่ผ่านมา มีเสียงหนาหูว่า มีการทำโฆษณาแฝงในรายการข่าวต่างๆอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่นายจักรภพคุมช่องนี้โดยตรงและเป็นผู้ปรับโฉมด้วยกลับปล่อยให้มีโฆษณาแฝงเล็ดลอดออกมาได้
นายจักรภพ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนก็พอจะทราบเช่นเดียวกันและได้มีการสั่งการลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้มีการแก้ไขเป็นการด่วน โดยตนมองว่า อยากให้เอ็นบีที มีความแจ่มชัดของความเป็นทีวีสาธารณะ ด้วยเนื้อหารายการเสียก่อน พร้อมพิสูจน์แก่สายตาของประชาชน ซึ่งภายในวันที่ 1 ก.ค.ที่จะถึงนี้ เอ็นบีทีจะมีความเป็นทีวีสาธารณะอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะมีการเปิดโอกาสให้ประชาชนวิจารณ์การทำงาน
“ถ้าหากดีก็จะขอการสนับสนุนจากภาคต่างๆ หลังจากนั้นจะพยายามเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการสนับสนุนตามมา เพราะงบประมาณที่ช่องเอ็นบีทีได้รับต่อการพัฒนาและบริการสถานีโทรทัศน์นั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับช่องอื่นๆทีมีเพียงปีละ 300 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ต้องการให้เอ็นบีที สามารถโฆษณาได้ เพราะจะทำให้เอ็นบีทีหลุดจากความเป็นตัวเองมากจนเกินไป จึงอยากให้มีการช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุดก่อน และตนจะพยายามหาทางช่วยเหลือในส่วนอื่นตามมา โดยอนาคตมองว่าจะมีการจัดตั้งกองทุนด้านสวัสดิการและความเป็นอยู่ของพนักงานเอ็นบีทีอีกทางหนึ่งด้วย
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานที่ตนรับผิดชอบในส่วนของสื่อมวลชน ขณะนี้ยังคงให้ความสำคัญกับทางเอ็นบีทีก่อน แต่ในระยะอันใกล้นี้มีแผนที่จะส่งหนังสือไปยังสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ทีวีไทย หรือไทยพีบีเอส เพื่อขอเยี่ยมชมและรับฟังนโยบายและแนวทางในการดำเนินงานของไทยพีบีเอส สู่ความเป็นทีวีสาธารณะ ว่ามีแนวทางดำเนินงานอย่างไรบ้าง
“แม้ว่าจะรู้ว่ารัฐบาลไม่มีสิทธิ์เข้าไปควบคุมหรือกำกับดูแลไทยพีบีเอสก็ตาม
แต่ในฐานะที่ตนมีหน้าที่ดูแลสื่อ จึงอยากที่จะเข้าไปเยี่ยมชมพร้อมทั้งขอฟังแนวนโยบายการทำงาน ของทีวีไทยบ้าง โดยจะขอดูในภาพรวม ส่วนใดที่จะสนับสนุนได้ก็จะเข้าไปช่วย ส่วนกรณีที่ไทยพีบีเอสได้งบประมาณไปจากเงินภาษีมากถึง 2,000 ล้านบาทนั้น จึงอยากจะรู้ว่ามีการบริหารจัดการสู่ความเป็นทีวีสาธารณะเหมาะสมหรือไม่อีกด้วย”
แหล่งข่าวจากสถานีไทยพีบีเอส กล่าวว่า หากนายจักรภพต้องการจะเข้ามาตรวจเยี่ยมชมไทยพีบีเอสก็เป็นเรื่องที่ดี เชิญมาตรวจเลย เพราะที่นี่ทำงานโปร่งใส มีระบบ ระเบียบ ชัดเจน ไม่มีคำครหา แต่ขออย่างเดียวอย่ามาจ้องจับผิดก็แล้วกัน ส่วนประเด็นงบประมาณ 2,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลจะนำมาจากภาษีบาปที่จะนำมาพัฒนาที่ช่องไทยพีบีเอสนั้น ก็เป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ แต่งบประมาณก้อนแรก 300 กว่าล้านบาทนั้น ทางไทยพีบีเอสยังไม่ได้รับมาเลย ยังไงก็ขอให้ช่วยจัดการเรื่องนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเข้าไปเยี่ยมทีวีไทยหรือไทยพีบีเอส ในสัปดาห์หน้าจะมีการเข้าไปดูแล บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ก่อน เพราะเป็นสัปดาห์ที่จะมีการประชุมผู้ถือหุ้น อสมท และจะมีการพิจารณารายชื่อผู้ที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการหรือบอร์ด อสมท ชุดใหม่ที่ว่างลง 9 ตำแหน่ง จึงอยากที่รับทราบข้อมูลด้านการบริหารจัดการภายในองค์กร การประกอบกิจการ ทิศทางเนื้อหาสาระของรายการสู่สายตาประชาชน พร้อมทั้งจะมอบนโยบายจากทางภาครัฐให้บางส่วนเพื่อนำไปดำเนินการต่อ
นายจักรภพ กล่าวต่อว่า สำหรับการเข้าไปดูแล อสมท ครั้งนี้ ยังหมายรวมถึง ทรูวิชั่นส์ ด้วย ในกรณีเรื่องของการมีโฆษณาแฝงหรือ tie in หรือรูปแบบ pass-through เพราะตามสัญญาที่ทางทรู วิชั่นส์ได้ทำไว้กับอสมท ลงไว้ชัดเจนว่า ไม่สามารถมีโฆษณาได้ แต่ที่ผ่านมากลับพบว่า บางรายการที่ซื้อมาจากต่างประเทศจะมีโฆษณาติดมาด้วย ก็มีการเผยแพร่ออกมาอย่างนั้น ซึ่งตรงนี้มองว่าไม่สามารถทำได้ จึงต้องมีมาตรการเข้าไปควบคุมมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้มองว่าจะมีการปรึกษาหารือกับองค์กรที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยกันดูว่าการทำโฆษณาแฝงเช่นนี้ เห็นสมควรให้ทำต่อไปหรือไม่ ขณะนี้มูลค่าของการทำโฆษณาแฝงนี้ค่อนข้างสูง และเป็นช่องว่างของกฎหมายที่เอาผิดได้ยาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันหลังจากที่มีการปรับช่อง 11 สู่ความเป็นทีวีสาธารณะในชื่อใหม่ NBT ตั้งแต่ 1 เมษายนที่ผ่านมา มีเสียงหนาหูว่า มีการทำโฆษณาแฝงในรายการข่าวต่างๆอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่นายจักรภพคุมช่องนี้โดยตรงและเป็นผู้ปรับโฉมด้วยกลับปล่อยให้มีโฆษณาแฝงเล็ดลอดออกมาได้
นายจักรภพ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนก็พอจะทราบเช่นเดียวกันและได้มีการสั่งการลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้มีการแก้ไขเป็นการด่วน โดยตนมองว่า อยากให้เอ็นบีที มีความแจ่มชัดของความเป็นทีวีสาธารณะ ด้วยเนื้อหารายการเสียก่อน พร้อมพิสูจน์แก่สายตาของประชาชน ซึ่งภายในวันที่ 1 ก.ค.ที่จะถึงนี้ เอ็นบีทีจะมีความเป็นทีวีสาธารณะอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะมีการเปิดโอกาสให้ประชาชนวิจารณ์การทำงาน
“ถ้าหากดีก็จะขอการสนับสนุนจากภาคต่างๆ หลังจากนั้นจะพยายามเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการสนับสนุนตามมา เพราะงบประมาณที่ช่องเอ็นบีทีได้รับต่อการพัฒนาและบริการสถานีโทรทัศน์นั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับช่องอื่นๆทีมีเพียงปีละ 300 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ต้องการให้เอ็นบีที สามารถโฆษณาได้ เพราะจะทำให้เอ็นบีทีหลุดจากความเป็นตัวเองมากจนเกินไป จึงอยากให้มีการช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุดก่อน และตนจะพยายามหาทางช่วยเหลือในส่วนอื่นตามมา โดยอนาคตมองว่าจะมีการจัดตั้งกองทุนด้านสวัสดิการและความเป็นอยู่ของพนักงานเอ็นบีทีอีกทางหนึ่งด้วย