หลังจากที่ได้ร่วมงานกับทางบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด มาตั้งแต่ปี 2544 ในตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ การตลาด การค้า การขาย ถึงวันนี้ ก็ประมาณ 7 ปีแล้ว ที่ “สุรัตน์ ผู้บังเกิดผล” ได้บริหารงานและแสดงฝีมือด้านการขายการตลาด กับตลาดสแน็คต่างๆ
วันนี้ “สุรัตน์ ผู้บังเกิดผล” ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ เป็นเบอร์หนึ่งของเบอร์ลี่ยุคเกอร์ฟู้ด ซึ่งมีผลตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้
ดังนั้น แม้ว่าตำแหน่งหน้าที่จะเปลี่ยนไป แต่บทบาทและความรับผิดชอบของสุรัตน์ ก็ยังคงหนักหน่วง กับการรุกตลาด สแน็ค หรือตลาดลูกอมในเมืองไทย ที่ว่ากันว่า เขี้ยวเหลือหลาย
ผมผ่านการทำงานด้านตลาดสแน็คมามากกว่า 10 ปีแล้ว เห็นอะไรมามากมาย และต้องยอมรับว่าตลาดสแน็คในเมืองไทยนี้ใหญ่มากมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาทเติบโตเฉลี่ย 10% เป็นอย่างต่ำ แต่ก็แข่งขันกันรุนแรง” สุรัตน์ ฉายภาพให้เห็น
ก่อนหน้าที่จะมาร่วมงานกับเบอร์ลี่ฯ เขาก็ผ่านงานด้านการตลาดที่น้ำมันพืชมรกตมาประมาณ 3 ปี และที่สำคัญ ก่อนหน้านั้น เขาคลุกคลีกับตลาดสแน็คและคอนเฟล็คชั่นเนอรี่ มาอีกเกือบ 7 ปี ที่พรีเมียร์มาร์เก็ตติ้ง โดยเฉพาะการรับผิดชอบแบรนด์ทาโรและลูกอมโอเล่ สิ่งนี้จึงยืนยันได้ว่า เขาคร่ำหวอดกับตลาดสแน็คมากน้อยแค่ไหน
ในตลาดสแน็คนี้ สุรัตน์ มองว่า มีความเคลื่อนไหวตลอด มีผู้เล่นรายใหม่ๆเข้าตลาดอยู่ตลอดเวลา ทั้งในแง่ของรายใหม่ หรือรายเก่าแต่ส่งแบรนด์ใหม่เข้าตลาดต่อเนื่อง ซึ่งตลาดนี้ต้องมีอะไรที่ใหม่ๆตลอดเวลา ซึ่งสังเกตได้ว่า แบรนด์ใหม่ๆที่เข้าสู่ตลาดนั้น บางแบรนด์ก็สามารถอยู่ได้ต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นช่วงสั้นๆ ไม่นานก็ล้มหายตายจากไป
หากมองในแง่ของผู้บริโภคแล้ว สุรัตน์ บอกว่า ถือเป็นตลาดที่ขายได้ทั้งเด็ก และวัยรุ่น หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ ขึ้นอยู่กับว่าต้องการเจาะกลุ่มใด สังเกตุได้จากสินค้าที่มีอยู่ในท้องตลาด บางค่ายบางแบรนด์ก็ทำออกมาเจาะกลุ่มนั้นกลุ่มนี้โดยเฉพาะ แต่ตลาดใหญ่จริงๆแล้วคือ เด็ก และเมื่อตลาดใหญ่คือเด็กนี่เองที่ทำให้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา สแน็คมักจะถูกมองว่า เป็นตัวทำร้ายสุขภาพของเด็กๆ เป็นของกินที่ไม่มีประโยชน์ ไร้สาระ กระทั่งมีการเข้มงวดเกี่ยวกับการทำโฆษณาของสินค้าสแน็คเหล่านี้ ที่แฝงตัวอยู่ในรายการเด็ก
ประเด็นนี้ สุรัตน์ มองว่า แล้วแต่มุมมองว่าเราจะมองจากมุมไหน เพราะว่า อาหารก็มีคุณและโทษทั้งนั้น หากเรากินมากไป หรือกินน้อยไป อยู่ที่ปริมาณการกิน หรือกินถูกวิธีหรือไม่ ส่วนการโฆษณาหรือการเป็นสปอนเซอร์รายการต่างๆนั้นก็ถือเป็นอาวุธอย่างหนึ่งของผู้ประกอบการเช่นเดียวกับสินค้าและบริการอื่นๆ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของผู้ประกอบการด้วย
แต่โดยวิชันของ สุรัตน์ แล้ว เขายืนยันว่า สิ่งที่เขาทำหรือที่เบอร์ลี่ฯทำนั้น จะต้องเป็นอาหารหรือสแน็คที่มีประโยชน์ ให้สิ่งที่มีคุณค่าทางอาหารลงไป และมีนวัตกรรมใหม่ๆ มานำเสนอต่อผู้บริโภค
ล่าสุดก็คือ เทสโตคัลเลอร์แมกซ์ มันฝรั่งทอดที่เปลี่ยนสีลิ้นได้ และก้าวต่อจากนี้ไป เขาย้ำว่า เตรียมที่จะรุกตลาด คอนวีเนียนฟู้ด หรืออาหารสะดวกทาน ซึ่งจะเป็นตลาดใหม่ๆที่น่าสนใจ
และนี่เองก็จะเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่ท้าทายความสามารถของ “สุรัตน์ ผู้บังเกิดผล”
วันนี้ “สุรัตน์ ผู้บังเกิดผล” ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ เป็นเบอร์หนึ่งของเบอร์ลี่ยุคเกอร์ฟู้ด ซึ่งมีผลตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้
ดังนั้น แม้ว่าตำแหน่งหน้าที่จะเปลี่ยนไป แต่บทบาทและความรับผิดชอบของสุรัตน์ ก็ยังคงหนักหน่วง กับการรุกตลาด สแน็ค หรือตลาดลูกอมในเมืองไทย ที่ว่ากันว่า เขี้ยวเหลือหลาย
ผมผ่านการทำงานด้านตลาดสแน็คมามากกว่า 10 ปีแล้ว เห็นอะไรมามากมาย และต้องยอมรับว่าตลาดสแน็คในเมืองไทยนี้ใหญ่มากมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาทเติบโตเฉลี่ย 10% เป็นอย่างต่ำ แต่ก็แข่งขันกันรุนแรง” สุรัตน์ ฉายภาพให้เห็น
ก่อนหน้าที่จะมาร่วมงานกับเบอร์ลี่ฯ เขาก็ผ่านงานด้านการตลาดที่น้ำมันพืชมรกตมาประมาณ 3 ปี และที่สำคัญ ก่อนหน้านั้น เขาคลุกคลีกับตลาดสแน็คและคอนเฟล็คชั่นเนอรี่ มาอีกเกือบ 7 ปี ที่พรีเมียร์มาร์เก็ตติ้ง โดยเฉพาะการรับผิดชอบแบรนด์ทาโรและลูกอมโอเล่ สิ่งนี้จึงยืนยันได้ว่า เขาคร่ำหวอดกับตลาดสแน็คมากน้อยแค่ไหน
ในตลาดสแน็คนี้ สุรัตน์ มองว่า มีความเคลื่อนไหวตลอด มีผู้เล่นรายใหม่ๆเข้าตลาดอยู่ตลอดเวลา ทั้งในแง่ของรายใหม่ หรือรายเก่าแต่ส่งแบรนด์ใหม่เข้าตลาดต่อเนื่อง ซึ่งตลาดนี้ต้องมีอะไรที่ใหม่ๆตลอดเวลา ซึ่งสังเกตได้ว่า แบรนด์ใหม่ๆที่เข้าสู่ตลาดนั้น บางแบรนด์ก็สามารถอยู่ได้ต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นช่วงสั้นๆ ไม่นานก็ล้มหายตายจากไป
หากมองในแง่ของผู้บริโภคแล้ว สุรัตน์ บอกว่า ถือเป็นตลาดที่ขายได้ทั้งเด็ก และวัยรุ่น หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ ขึ้นอยู่กับว่าต้องการเจาะกลุ่มใด สังเกตุได้จากสินค้าที่มีอยู่ในท้องตลาด บางค่ายบางแบรนด์ก็ทำออกมาเจาะกลุ่มนั้นกลุ่มนี้โดยเฉพาะ แต่ตลาดใหญ่จริงๆแล้วคือ เด็ก และเมื่อตลาดใหญ่คือเด็กนี่เองที่ทำให้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา สแน็คมักจะถูกมองว่า เป็นตัวทำร้ายสุขภาพของเด็กๆ เป็นของกินที่ไม่มีประโยชน์ ไร้สาระ กระทั่งมีการเข้มงวดเกี่ยวกับการทำโฆษณาของสินค้าสแน็คเหล่านี้ ที่แฝงตัวอยู่ในรายการเด็ก
ประเด็นนี้ สุรัตน์ มองว่า แล้วแต่มุมมองว่าเราจะมองจากมุมไหน เพราะว่า อาหารก็มีคุณและโทษทั้งนั้น หากเรากินมากไป หรือกินน้อยไป อยู่ที่ปริมาณการกิน หรือกินถูกวิธีหรือไม่ ส่วนการโฆษณาหรือการเป็นสปอนเซอร์รายการต่างๆนั้นก็ถือเป็นอาวุธอย่างหนึ่งของผู้ประกอบการเช่นเดียวกับสินค้าและบริการอื่นๆ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของผู้ประกอบการด้วย
แต่โดยวิชันของ สุรัตน์ แล้ว เขายืนยันว่า สิ่งที่เขาทำหรือที่เบอร์ลี่ฯทำนั้น จะต้องเป็นอาหารหรือสแน็คที่มีประโยชน์ ให้สิ่งที่มีคุณค่าทางอาหารลงไป และมีนวัตกรรมใหม่ๆ มานำเสนอต่อผู้บริโภค
ล่าสุดก็คือ เทสโตคัลเลอร์แมกซ์ มันฝรั่งทอดที่เปลี่ยนสีลิ้นได้ และก้าวต่อจากนี้ไป เขาย้ำว่า เตรียมที่จะรุกตลาด คอนวีเนียนฟู้ด หรืออาหารสะดวกทาน ซึ่งจะเป็นตลาดใหม่ๆที่น่าสนใจ
และนี่เองก็จะเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่ท้าทายความสามารถของ “สุรัตน์ ผู้บังเกิดผล”