“เฟรนเต้” ยักษ์ใหญ่สแนกจากแดนปลาดิบ อัดฉีด 16 ล้านบาท ปั้นคารามูโจ้บุกตลาดมันฝรั่งทอดกรอบไทย มูลค่า 3,500 ล้านบาท สร้างความต่างรสชาติตะวันออก บรรจุภัณฑ์ถ้วยทะลวงกลุ่มวัยรุ่น ตั้งเป้า 2 ปี โค่นเทสโตสำเร็จ รั้งอันดับ 2 โกยแชร์ไม่ต่ำกว่า 25%
นายมาซากิ ซาโต้ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดต่างประเทศ ดูแลฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัท เฟรนเต้ จำกัด เจ้าของมันฝรั่งคารามูโจ้ เปิดเผยว่า บริษัทได้ตัดสินใจรุกตลาดมันฝรั่งทอดกรอบในประเทศไทย เป็นแห่งที่ 2 ในเอเชีย รองจากประเทศไต้หวัน เนื่องจากพบว่า แนวโน้มตลาดมันฝรั่งทอดกรอบมูลค่า 3,500 ล้านบาทในไทย มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและใกล้เคียงไต้หวัน ซึ่งทางบริษัทได้รุกเข้าไปทำตลาดมาเพียง 3 ปี ก็สามารถมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 3 รองจากมันฝรั่งเลย์ ที่มีส่วนแบ่งอันดับหนึ่ง
สำหรับการทำตลาดในประเทศไทยจะใช้โมเดลเดียวกับประเทศไต้หวัน โดยเฉพาะรูปแบบผลิตภัณฑ์ ชูจุดขายการนำเสนอรสชาติเข้มข้นสไตล์ตะวันออก สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งที่ส่วนใหญ่จะเป็นมันฝรั่งที่มีรสชาติตะวันตก พร้อมกับพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบทั้งแบบแผ่น และแบบแท่ง รวมทั้งแพกเกจจิ้งมีเลือกแบบซองและถ้วย เพื่อเป็นทางเลือกใหม่กับวัยรุ่นและคนทำงาน โดยได้จ้างโรงงานยูนิแชมป์ เป็นผู้ผลิต ซึ่งสินค้าภายใต้ลิขสิทธิ์โคอิเคยะ
นายซาโต้ กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของมันฝรั่งทอดกรอบคารามูโจ้เจาะกลุ่มวัยรุ่น ทั้งนี้ เป็นเพราะผู้ที่ชอบทดลองสินค้าใหม่ ประกอบกับเป็นกลุ่มที่มีกำลังการซื้อ เนื่องจากสินค้าของบริษัทวางราคาสูงกว่าคู่แข่ง 20% เช่น ชนิดซองคารามูโจ้ 6 บาท ของคู่แข่ง 5 บาท และเพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างปีนี้บริษัทได้วางงบการตลาด 15-16 ล้านบาท ผ่านการทำโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ กิจกรรมโปรโมชัน ณ จุดขาย รวมทั้งการแจกสินค้าตัวอย่างขนาด 6 บาท จำนวน 3 แสนถุงทั่วประเทศ
สำหรับเป้าหมายยอดขายในปีแรก 80 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาด 5% จากตลาดมันฝรั่งมูลค่า 3,500 ล้านบาท จากปัจจุบันมันฝรั่งเลย์ เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 68% อันดับสอง เทสโต มีส่วนแบ่ง 20% ส่วนที่เหลือยี่ห้ออื่นๆ ทั้งนี้ ตั้งเป้าภายใน 2 ปี คารามูโจ้จะมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 แทนที่มันฝรั่งทอดกรอบเทสโต ด้วยส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 25% จากรวมตลาดมันฝรั่ง
นายมาซากิ ซาโต้ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดต่างประเทศ ดูแลฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัท เฟรนเต้ จำกัด เจ้าของมันฝรั่งคารามูโจ้ เปิดเผยว่า บริษัทได้ตัดสินใจรุกตลาดมันฝรั่งทอดกรอบในประเทศไทย เป็นแห่งที่ 2 ในเอเชีย รองจากประเทศไต้หวัน เนื่องจากพบว่า แนวโน้มตลาดมันฝรั่งทอดกรอบมูลค่า 3,500 ล้านบาทในไทย มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและใกล้เคียงไต้หวัน ซึ่งทางบริษัทได้รุกเข้าไปทำตลาดมาเพียง 3 ปี ก็สามารถมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 3 รองจากมันฝรั่งเลย์ ที่มีส่วนแบ่งอันดับหนึ่ง
สำหรับการทำตลาดในประเทศไทยจะใช้โมเดลเดียวกับประเทศไต้หวัน โดยเฉพาะรูปแบบผลิตภัณฑ์ ชูจุดขายการนำเสนอรสชาติเข้มข้นสไตล์ตะวันออก สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งที่ส่วนใหญ่จะเป็นมันฝรั่งที่มีรสชาติตะวันตก พร้อมกับพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบทั้งแบบแผ่น และแบบแท่ง รวมทั้งแพกเกจจิ้งมีเลือกแบบซองและถ้วย เพื่อเป็นทางเลือกใหม่กับวัยรุ่นและคนทำงาน โดยได้จ้างโรงงานยูนิแชมป์ เป็นผู้ผลิต ซึ่งสินค้าภายใต้ลิขสิทธิ์โคอิเคยะ
นายซาโต้ กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของมันฝรั่งทอดกรอบคารามูโจ้เจาะกลุ่มวัยรุ่น ทั้งนี้ เป็นเพราะผู้ที่ชอบทดลองสินค้าใหม่ ประกอบกับเป็นกลุ่มที่มีกำลังการซื้อ เนื่องจากสินค้าของบริษัทวางราคาสูงกว่าคู่แข่ง 20% เช่น ชนิดซองคารามูโจ้ 6 บาท ของคู่แข่ง 5 บาท และเพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างปีนี้บริษัทได้วางงบการตลาด 15-16 ล้านบาท ผ่านการทำโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ กิจกรรมโปรโมชัน ณ จุดขาย รวมทั้งการแจกสินค้าตัวอย่างขนาด 6 บาท จำนวน 3 แสนถุงทั่วประเทศ
สำหรับเป้าหมายยอดขายในปีแรก 80 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาด 5% จากตลาดมันฝรั่งมูลค่า 3,500 ล้านบาท จากปัจจุบันมันฝรั่งเลย์ เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 68% อันดับสอง เทสโต มีส่วนแบ่ง 20% ส่วนที่เหลือยี่ห้ออื่นๆ ทั้งนี้ ตั้งเป้าภายใน 2 ปี คารามูโจ้จะมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 แทนที่มันฝรั่งทอดกรอบเทสโต ด้วยส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 25% จากรวมตลาดมันฝรั่ง