เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก เปิดแผนรุก หวังกุมหัวใจผู้ชมมากยิ่งขึ้น เผยปีนี้เตรียมลุยฟรีทีวี ดึงเซเลเบตี้เข้าช่วย พร้อมเจรจาขายช่องรายการเพิ่มแก่กลุ่มเคเบิลทีวีท้องถิ่น หวังอนาคตรายได้จากโฆษณามีสูง ล่าสุด ซุ่มทำนิวมีเดีย โกยรายได้อีกทาง มั่นใจปี 52 รายได้จากลิขสิทธิ์เพิ่ม 50%
นายฤทธิชาติ ศิลารักษ์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการจัดจำหน่าย เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล เอเชีย หรือแนทจีโอ/ NAT GEO เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทมีแผนที่จะเข้ามาสร้างแบรนด์ และเพิ่มฐานผู้ชมในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ทั้งการออกอากาศทางฟรีทีวี ซึ่งขณะนี้ได้เจรจาขอเวลาออกอากาศแล้วหลายช่อง ไม่ว่าจะเป็นช่องไทยพีบีเอส ช่อง 5 ช่องโมเดิร์นไนน์ และ ช่องเอ็นบีที ขณะที่ช่อง 3 และช่อง 7 ยังไม่มีการพูดคุย เพราะนโยบายทางช่องอาจจะให้ความสำคัญกับสารคดีค่อนข้างน้อย ทั้งนี้ คาดว่า ปีนี้จะเริ่มเห็นคอนเทนต์รายการจากบริษัทเผยแพร่ตามช่องต่างๆ ที่กล่าวได้
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทแม่ของทางเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก ได้ร่วมหุ้นกับทางฟ็อกซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ชาแนล ทำให้ในขณะนี้ทางบริษัทมีช่องรายการต่างๆ ทั่วโลกกว่า 20 ช่อง ซึ่งในไทย จากที่ผู้ชมสามารถรับชมช่องรายการของบริษัทได้เพียงของทางทรูวิชั่นส์เพียงช่องทางเดียว หลังจากนี้ ทางบริษัทมีแผนที่จะเจรจากับทางเคเบิลทีวี ในการขายลิขสิทธิ์ช่องรายการอื่นๆ ที่น่าสนใจอยู่ 4-5 ช่องในเอเชียที่ส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมอยู่แล้วตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นช่องเนชั่นแนล จีโอ ไวด์ หรือ ฟ็อกซ์ ไพร์ม ซึ่งเป็นช่องที่ได้รับความนิยมในเอเชียด้วย ซึ่งหากสามารถขายลิขสิทธิ์ออกอากาศช่องรายการเพิ่มได้ครั้งนี้ มองว่า จะเป็นช่องทางที่จะสร้างรายได้จากโฆษณาได้อย่างมากในอนาคต เพราะขณะนี้มีกฎหมายให้เคเบิลโฆษณาได้ แต่ยังไม่ชัดเจนและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มได้เมื่อใดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะต่อยอดรายได้ในสื่อใหม่ อย่างนิวมีเดียในประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งในต่างประเทศส่วนใหญ่เปิดให้บริการไปเกือบหมดแล้ว โดยลักษณะของนิวมีเดีย ได้แก่ อินทอร์เน็ต และมือถือ ที่ทางบริษัทจะนำเอาคอนเท้นต์ที่มีอยู่ มาพัฒนาสู่รูปแบบคอนเทนต์บนมือถือ ผ่านการดาวน์โหลด ไม่ว่าจะเป็น ริงโทน วอลล์เปเปอร์ จาวาเกมส์ คลิปวิดีโอแบบสั้นความยาว 15-30 วินาที และแบบยาว 3-5 นาที ที่มีอยู่กว่า 1,500 เรื่อง
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมและเจรจากับทางโอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการสัญญาณมือถือในประเทศไทยบ้างแล้ว เหลือเพียงแต่รอให้ทางภาครัฐอนุญาตให้สามารถใช้สัญญาณแบบ 3G ก่อน เพราะในขณะนี้ส่วนใหญ่สัญญาณมือถือจะเป็นแบบ 2G และ 2.5G ซึ่งยังเป็นอุปสรรคต่อการดาวน์โหลดอยู่ เนื่องจากต้องใช้เวลานาน แต่เมื่อไรที่สัญญาณเป็น 3G ทางบริษัทก็พร้อมให้บริการได้ทันที
ล่าสุด บริษัทยังมีการนำเอากลยุทธ์เซเลเบตี้ คือ พอลล่า เทย์เลอร์ และ ต้อม-เทียนชัย ชัยสวัสดิ์ เข้ามาช่วยเพิ่มฐานผู้ชมกลุ่มใหม่ที่ชื่นชอบดารา ให้หันมาดูสารคดีมากยิ่งขึ้น กับแคมเปญ “NAT GEO’S TOP 30” ฉลองเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล ครบรอบ 10 ปีในเอเชีย คาดว่า น่าจะเพิ่มฐานผู้ชมกลุ่มใหม่ได้
นายฤทธิชาติ กล่าวต่อว่า แผนการเข้ามาสร้างแบรนด์และเพิ่มฐานผู้ชมจากปกติที่มีอยู่ 4 แสนครัวเรือนตามตัวเลขสมาชิกของทรูวิชั่นส์ที่รับชม ช่องรายการของทางบริษัทครั้งนี้ คาดว่า ภายในปี 2552 บริษัทจะมีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นถึง 50% จากปกติเฉลี่ยแต่ละปี รายได้จากประเทศไทยมาจากค่าลิขสิทธิ์เป็นหลัก มูลค่าประมาณ 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ และมีอัตราการเติบโตต่อปีไม่เกิน 5% ซึ่งมีสาเหตุมาจากเคเบิลทีวีที่ยังไม่ค่อยเติบโต ทั้งนี้คาดว่าจากการวางแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ บริษัทจะมีรายได้จากช่องทางอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็นนิวมีเดีย และฟรีทีวี
นายฤทธิชาติ ศิลารักษ์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการจัดจำหน่าย เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล เอเชีย หรือแนทจีโอ/ NAT GEO เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทมีแผนที่จะเข้ามาสร้างแบรนด์ และเพิ่มฐานผู้ชมในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ทั้งการออกอากาศทางฟรีทีวี ซึ่งขณะนี้ได้เจรจาขอเวลาออกอากาศแล้วหลายช่อง ไม่ว่าจะเป็นช่องไทยพีบีเอส ช่อง 5 ช่องโมเดิร์นไนน์ และ ช่องเอ็นบีที ขณะที่ช่อง 3 และช่อง 7 ยังไม่มีการพูดคุย เพราะนโยบายทางช่องอาจจะให้ความสำคัญกับสารคดีค่อนข้างน้อย ทั้งนี้ คาดว่า ปีนี้จะเริ่มเห็นคอนเทนต์รายการจากบริษัทเผยแพร่ตามช่องต่างๆ ที่กล่าวได้
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทแม่ของทางเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก ได้ร่วมหุ้นกับทางฟ็อกซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ชาแนล ทำให้ในขณะนี้ทางบริษัทมีช่องรายการต่างๆ ทั่วโลกกว่า 20 ช่อง ซึ่งในไทย จากที่ผู้ชมสามารถรับชมช่องรายการของบริษัทได้เพียงของทางทรูวิชั่นส์เพียงช่องทางเดียว หลังจากนี้ ทางบริษัทมีแผนที่จะเจรจากับทางเคเบิลทีวี ในการขายลิขสิทธิ์ช่องรายการอื่นๆ ที่น่าสนใจอยู่ 4-5 ช่องในเอเชียที่ส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมอยู่แล้วตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นช่องเนชั่นแนล จีโอ ไวด์ หรือ ฟ็อกซ์ ไพร์ม ซึ่งเป็นช่องที่ได้รับความนิยมในเอเชียด้วย ซึ่งหากสามารถขายลิขสิทธิ์ออกอากาศช่องรายการเพิ่มได้ครั้งนี้ มองว่า จะเป็นช่องทางที่จะสร้างรายได้จากโฆษณาได้อย่างมากในอนาคต เพราะขณะนี้มีกฎหมายให้เคเบิลโฆษณาได้ แต่ยังไม่ชัดเจนและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มได้เมื่อใดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะต่อยอดรายได้ในสื่อใหม่ อย่างนิวมีเดียในประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งในต่างประเทศส่วนใหญ่เปิดให้บริการไปเกือบหมดแล้ว โดยลักษณะของนิวมีเดีย ได้แก่ อินทอร์เน็ต และมือถือ ที่ทางบริษัทจะนำเอาคอนเท้นต์ที่มีอยู่ มาพัฒนาสู่รูปแบบคอนเทนต์บนมือถือ ผ่านการดาวน์โหลด ไม่ว่าจะเป็น ริงโทน วอลล์เปเปอร์ จาวาเกมส์ คลิปวิดีโอแบบสั้นความยาว 15-30 วินาที และแบบยาว 3-5 นาที ที่มีอยู่กว่า 1,500 เรื่อง
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมและเจรจากับทางโอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการสัญญาณมือถือในประเทศไทยบ้างแล้ว เหลือเพียงแต่รอให้ทางภาครัฐอนุญาตให้สามารถใช้สัญญาณแบบ 3G ก่อน เพราะในขณะนี้ส่วนใหญ่สัญญาณมือถือจะเป็นแบบ 2G และ 2.5G ซึ่งยังเป็นอุปสรรคต่อการดาวน์โหลดอยู่ เนื่องจากต้องใช้เวลานาน แต่เมื่อไรที่สัญญาณเป็น 3G ทางบริษัทก็พร้อมให้บริการได้ทันที
ล่าสุด บริษัทยังมีการนำเอากลยุทธ์เซเลเบตี้ คือ พอลล่า เทย์เลอร์ และ ต้อม-เทียนชัย ชัยสวัสดิ์ เข้ามาช่วยเพิ่มฐานผู้ชมกลุ่มใหม่ที่ชื่นชอบดารา ให้หันมาดูสารคดีมากยิ่งขึ้น กับแคมเปญ “NAT GEO’S TOP 30” ฉลองเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล ครบรอบ 10 ปีในเอเชีย คาดว่า น่าจะเพิ่มฐานผู้ชมกลุ่มใหม่ได้
นายฤทธิชาติ กล่าวต่อว่า แผนการเข้ามาสร้างแบรนด์และเพิ่มฐานผู้ชมจากปกติที่มีอยู่ 4 แสนครัวเรือนตามตัวเลขสมาชิกของทรูวิชั่นส์ที่รับชม ช่องรายการของทางบริษัทครั้งนี้ คาดว่า ภายในปี 2552 บริษัทจะมีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นถึง 50% จากปกติเฉลี่ยแต่ละปี รายได้จากประเทศไทยมาจากค่าลิขสิทธิ์เป็นหลัก มูลค่าประมาณ 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ และมีอัตราการเติบโตต่อปีไม่เกิน 5% ซึ่งมีสาเหตุมาจากเคเบิลทีวีที่ยังไม่ค่อยเติบโต ทั้งนี้คาดว่าจากการวางแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ บริษัทจะมีรายได้จากช่องทางอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็นนิวมีเดีย และฟรีทีวี