MIDA เผยไตรมาสแรกปีนี้กำไรพุ่งเกือบ 100% ขณะที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน เพราะไม่แน่ใจเกี่ยวกับรายการเงินกู้ยืมที่ให้ นางสุธาสินี เสตะพันธุ แท้จริงหรือไม่ และมูลค่าเงินให้กู้ยืมดังกล่าวจะได้รับคืนหรือไม่ ขณะที่ ตลท. แขวนเครื่องหมาย SP และจะขึ้น NP หุ้นMIDA เช้าวันที่ 21 พ.ค.นี้เป็นต้นไป
นางสาวรุ่งระวี เอี่ยมพงษ์ไพฑูรย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ( MIDA) แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 106.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.32 ล้านบาทหรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 99.37% ขณะที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน อันเป็นผลจากเหตุดังนี้
1.สืบเนื่องจากปัญหาข้อพิพาทระหว่างบริษัทกับ นางสุธาสินี เสตะพันธุ กรรมการของบริษัทสมุย เพนนินซูลา จำกัด (บ.สมุย) ซึ่งเป็น บ.ย่อย เกี่ยวกับเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการของ บ.ย่อย (นางสุธาสินี เสตะพันธุ) วงเงิน 256.2 ล้านบาท ตามที่บริษัทได้ชี้แจงก่อนหน้าแล้วว่ารายการดังกล่าวเป็นข้อขัดแย้งระหว่างบริษัทกับกรรมการของบริษัทย่อยเกี่ยวกับภาระหนี้สินที่มิได้บันทึกไว้ในงบการเงินของบริษัท สมุย ณ วันที่บริษัทเข้าไปร่วมทุน และปัจจุบันยังเป็นปัญหาข้อพิพาทอยู่ ซึ่งผู้สอบบัญชีไม่แน่ใจเกี่ยวกับรายการดังกล่าวว่าเป็นเงินกู้ยืมที่แท้จริงหรือไม่ และมูลค่าเงินให้กู้ยืมดังกล่าวจะได้รับคืนหรือไม่
ทั้งนี้ ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติให้บริษัทพิจารณาขายหรือซื้อเงินลงทุนในบริษัทที่ร่วมลงทุนกับนางสุธาสินี เสตะพันธุ ซึ่งการที่บริษัทฯอาจจะต้องขายเงินลงทุน ในบ.ย่อยและอีกสองบริษัทดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่าสุทธิตามบัญชีรวมทั้งสิ้น 650 ล้านบาท ออกไปแทนที่จะถือเป็นเงินลงทุนระยะยาวอาจมีผลต่อมูลค่าเงินลงทุนตามที่แสดงไว้ในงบดุล
2.เนื่องจากข้อพิพาทดังกล่าวในวรรคก่อนบริษัทฯ ยังคงไม่ได้รับงบการเงินของบ.สมุยและงบการเงินของบริษัท ภูเก็ต เพนนินซูลา จำกัด(บ.ภูเก็ต) ซึ่งเป็นบริษัทร่วม สำหรับงวดสิ้นไตรมาสแรกปีนี้ และงวดสิ้นปี 50 ซึ่งบริษัทฯได้จัดทำงบการเงินรวม สำหรับไตรมาสแรกปีนี้โดยรวมงบดุลของบ.สมุย ณ 30 มิ.ย.50 แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีของ บ.สมุยนั้น และบริษัทฯ ได้รวมเงินลงทุนใน บ.ภูเก็ตดังกล่าวตามวิธีส่วนได้เสีย 204.9 ล้านบาท ซึ่งคํานวณจากงบการเงินสําหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.50 แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีของบริษัทภูเก็ต
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังไม่ได้งบการเงินไตรมาสแรกปีนี้ ของ บริษัท ฮอท สปริง จำกัด ซึ่งเป็นบ.ย่อย ที่มีกรรมการที่พิพาทกับบริษัท ดังนั้นการจัดทำงบการเงินงวดสามเดือนสิ้นสุด 31 มี.ค.51 จึงใช้งบดุล ณ 31 ธ.ค.50 ของบ.ฮอท สปริง ซึ่งตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอื่นของ บ.ฮอทสปริง ถึงแม้บ.สมุย, บ.ฮอท สปริงและ บ.ภูเก็ต จะเป็น บ. ย่อย ที่บริษัทถือหุ้น 50 % และ บ.ร่วม แต่เนื่องจากนางสุธาสินี เสตุพันธุ เป็นประธานกรรมการบริหาร และเป็นผู้บริหารกิจการของ บ.สมุย,บ.ฮอท สปริง และ บ.ภูเก็ต และเนื่องจากข้อขัดแย้งดังกล่าว บริษัทจึงไม่สามารถนำงบการเงินของ บ.สมุย ,บ.ฮอท สปริง และบ.ภูเก็ต มารวมในการจัดทำงบการเงินรวมได้
จากเหตุผลดังกล่าว ผู้สอบบัญชีไม่สามารถสอบทานเพื่อให้สามารถระบุได้ว่าข้อพิพาทข้างต้นจะยุติลงอย่างไร และจะมีผลกระทบต่องบการเงินมากน้อยเพียงใด เนื่องจากบริษัทฯไม่ได้รับงบการเงินงวดสามเดือนสิ้นสุด 31 มี.ค.51 และสําหรับปี สิ้นสุด 31 ธ.ค.50 ของบริษัท สมุย,บ.ฮอทสปริง และบ.ภูเก็ต ดังกล่าวข้างต้น ถือว่าเป็นการถูกจํากัด ขอบเขตโดยสถานการณ์ และเนื่องจากมีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญต่อมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนของเงินให้กู้ยืมและเงินลงทุนตามที่กล่าวข้างต้น ผู้สอบบัญชีจึงไม่สามารถสรุปผลการสอบทานต่องบการเงินไตรมาสแรกนี้ได้
ทั้งนี้ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อขายหุ้น โดยไกล่เกลี่ย ภายใต้ขบวนการศาล หากไม่แล้วเสร็จ บริษัทพร้อมจะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเรียกเงินกู้ยืมดังกล่าวคืนต่อไป
จากการที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบฯ ตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.)ยังคงแขวนเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ MIDA ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้า 20 พ.ค.51 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปมีเวลาในการพิจารณารายงานของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง และจะปลดเครื่องหมาย SP พร้อมกับขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) หลักทรัพย์ของ MIDA ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้า 21 พ.ค.51 เป็นต้นไปจนกว่า MIDA จะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่า MIDAไม่ต้องแก้ไขงบการเงินดังกล่าว
นางสาวรุ่งระวี เอี่ยมพงษ์ไพฑูรย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ( MIDA) แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 106.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.32 ล้านบาทหรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 99.37% ขณะที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน อันเป็นผลจากเหตุดังนี้
1.สืบเนื่องจากปัญหาข้อพิพาทระหว่างบริษัทกับ นางสุธาสินี เสตะพันธุ กรรมการของบริษัทสมุย เพนนินซูลา จำกัด (บ.สมุย) ซึ่งเป็น บ.ย่อย เกี่ยวกับเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการของ บ.ย่อย (นางสุธาสินี เสตะพันธุ) วงเงิน 256.2 ล้านบาท ตามที่บริษัทได้ชี้แจงก่อนหน้าแล้วว่ารายการดังกล่าวเป็นข้อขัดแย้งระหว่างบริษัทกับกรรมการของบริษัทย่อยเกี่ยวกับภาระหนี้สินที่มิได้บันทึกไว้ในงบการเงินของบริษัท สมุย ณ วันที่บริษัทเข้าไปร่วมทุน และปัจจุบันยังเป็นปัญหาข้อพิพาทอยู่ ซึ่งผู้สอบบัญชีไม่แน่ใจเกี่ยวกับรายการดังกล่าวว่าเป็นเงินกู้ยืมที่แท้จริงหรือไม่ และมูลค่าเงินให้กู้ยืมดังกล่าวจะได้รับคืนหรือไม่
ทั้งนี้ ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติให้บริษัทพิจารณาขายหรือซื้อเงินลงทุนในบริษัทที่ร่วมลงทุนกับนางสุธาสินี เสตะพันธุ ซึ่งการที่บริษัทฯอาจจะต้องขายเงินลงทุน ในบ.ย่อยและอีกสองบริษัทดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่าสุทธิตามบัญชีรวมทั้งสิ้น 650 ล้านบาท ออกไปแทนที่จะถือเป็นเงินลงทุนระยะยาวอาจมีผลต่อมูลค่าเงินลงทุนตามที่แสดงไว้ในงบดุล
2.เนื่องจากข้อพิพาทดังกล่าวในวรรคก่อนบริษัทฯ ยังคงไม่ได้รับงบการเงินของบ.สมุยและงบการเงินของบริษัท ภูเก็ต เพนนินซูลา จำกัด(บ.ภูเก็ต) ซึ่งเป็นบริษัทร่วม สำหรับงวดสิ้นไตรมาสแรกปีนี้ และงวดสิ้นปี 50 ซึ่งบริษัทฯได้จัดทำงบการเงินรวม สำหรับไตรมาสแรกปีนี้โดยรวมงบดุลของบ.สมุย ณ 30 มิ.ย.50 แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีของ บ.สมุยนั้น และบริษัทฯ ได้รวมเงินลงทุนใน บ.ภูเก็ตดังกล่าวตามวิธีส่วนได้เสีย 204.9 ล้านบาท ซึ่งคํานวณจากงบการเงินสําหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.50 แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีของบริษัทภูเก็ต
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังไม่ได้งบการเงินไตรมาสแรกปีนี้ ของ บริษัท ฮอท สปริง จำกัด ซึ่งเป็นบ.ย่อย ที่มีกรรมการที่พิพาทกับบริษัท ดังนั้นการจัดทำงบการเงินงวดสามเดือนสิ้นสุด 31 มี.ค.51 จึงใช้งบดุล ณ 31 ธ.ค.50 ของบ.ฮอท สปริง ซึ่งตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอื่นของ บ.ฮอทสปริง ถึงแม้บ.สมุย, บ.ฮอท สปริงและ บ.ภูเก็ต จะเป็น บ. ย่อย ที่บริษัทถือหุ้น 50 % และ บ.ร่วม แต่เนื่องจากนางสุธาสินี เสตุพันธุ เป็นประธานกรรมการบริหาร และเป็นผู้บริหารกิจการของ บ.สมุย,บ.ฮอท สปริง และ บ.ภูเก็ต และเนื่องจากข้อขัดแย้งดังกล่าว บริษัทจึงไม่สามารถนำงบการเงินของ บ.สมุย ,บ.ฮอท สปริง และบ.ภูเก็ต มารวมในการจัดทำงบการเงินรวมได้
จากเหตุผลดังกล่าว ผู้สอบบัญชีไม่สามารถสอบทานเพื่อให้สามารถระบุได้ว่าข้อพิพาทข้างต้นจะยุติลงอย่างไร และจะมีผลกระทบต่องบการเงินมากน้อยเพียงใด เนื่องจากบริษัทฯไม่ได้รับงบการเงินงวดสามเดือนสิ้นสุด 31 มี.ค.51 และสําหรับปี สิ้นสุด 31 ธ.ค.50 ของบริษัท สมุย,บ.ฮอทสปริง และบ.ภูเก็ต ดังกล่าวข้างต้น ถือว่าเป็นการถูกจํากัด ขอบเขตโดยสถานการณ์ และเนื่องจากมีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญต่อมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนของเงินให้กู้ยืมและเงินลงทุนตามที่กล่าวข้างต้น ผู้สอบบัญชีจึงไม่สามารถสรุปผลการสอบทานต่องบการเงินไตรมาสแรกนี้ได้
ทั้งนี้ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อขายหุ้น โดยไกล่เกลี่ย ภายใต้ขบวนการศาล หากไม่แล้วเสร็จ บริษัทพร้อมจะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเรียกเงินกู้ยืมดังกล่าวคืนต่อไป
จากการที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบฯ ตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.)ยังคงแขวนเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ MIDA ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้า 20 พ.ค.51 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปมีเวลาในการพิจารณารายงานของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง และจะปลดเครื่องหมาย SP พร้อมกับขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) หลักทรัพย์ของ MIDA ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้า 21 พ.ค.51 เป็นต้นไปจนกว่า MIDA จะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่า MIDAไม่ต้องแก้ไขงบการเงินดังกล่าว