“ถิรดา อภิชัยเดชอุดม” ปั้นคิดโดแปซิฟิครุกเอดดูเคชั่นทอย

ตลาดของเล่นเด็ก เป็นตลาดที่ไม่เล็กเอาเสียเลยกับมูลค่าตลาดกว่า 6,000 ล้านบาท และการแข่งขันก็สูงเสียด้วย แต่บริษัท คิดโด แปซิฟิค จำกัด ภายใต้การบริหารงานของ “ถิรดา อภิชัยเดชอุดม” หรือที่เรียกกันว่า “แซนดี้” ถือเป็นบริษัทชั้นนำของวงการนำเข้าสินค้าเกี่ยวกับเด็กต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในไทย ก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นหลายรายในตลาดนี้ที่น่าสนใจที่สร้างความต่างจากคู่แข่ง

ถิรดา ไม่ได้มีพื้นฐานหรือประสบการณ์งานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับของเล่นเด็กเลย แต่เธอก็กลายเป็นผู้บริหารที่นำพาองค์กรนี้อยู่ในชั้นแนวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถิรดา จบการศึกษาระดับมัธยมที่ โคเลจิโฮ เดอ ซาน อกัสตินที่ฟิลิปปินส์ เก่งถึงขนาดได้อันดับที่หนึ่งของชั้น จบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ฟิลลาเดเฟีย อเมริกา เดอะวาร์ตั้นสคูลวิทยาศาสตร์บัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์ วิชาเอกบัญชีและการเงิน พร้อมกับจบปริญญาโทด้านการบริหารและการจัดการ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์

ขณะที่การงานที่ผ่านมาก็หลากหลายองค์กร ฝ่ายวิเคราะห์การเงินที่ธนาคารซิตี้แบงก์ฟิลิปปินส์, ฝ่ายวิเคราะห์การเงินที่จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน นิวยอร์ก, ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน Sancan Real Estate ที่ฟิลิปปินส์, ผู้จัดการฝ่ายการเงินและบัญชี ที่ บริษัท Seng Thai ผลิตและจำหน่าย สารเคมีสีย้อมผ้า, กรรมการบริษัท เน็กซัส ซิสเต็ม บริการระบบสารสนเทศต่างๆ

ปัจจุบันนี้คือ กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ทำธุรกิจนำเข้าของเล่นเด็กจากต่างประเทศ

และดูเหมือนเธอเองจะมีความสุขไม่น้อยกับงานนี้ เพราะมีเวลาอยู่กับลูกได้มากขึ้น และยังเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับลูกด้วย หลังจากที่ก่อนนี้ทำงานทางด้านไอที แทบจะไม่มีเวลาอยู่กับลูกเลยก็ว่าได้

เธอมองว่า ธุรกิจดังกล่าวนี้ ถือเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดี ถึงแม้ว่า ภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะหากมุ่งไปทำการตลาดที่นิชมาร์เก็ต คือ ของเล่นเด็กที่เน้นการสร้างสรรค์ หรือสาระความรู้แล้ว หรือเอดดูเคชั่นทอย เชื่อว่าตลาดนิชมาร์เก็ตตรงนี้ไม่มีวันตายแน่นอนจากตลาดรวมเซ็กเม้นท์นี้ 300 ล้านบาทปีที่แล้ว และคาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 600 ล้านบาท

แต่การทำตลาดของเล่นเด็กนั้นท้าทายตรงที่ว่า ผู้ที่ตัดสินใจซื้อของเล่นจะเป็นพ่อแม่ ไม่ใช่ที่ตัวเด็ก นั่นหมายถึง จะต้องทำการตลาดแบบ 2 ต่อ คือ หาสินค้าให้โดนใจเด็ก ขณะเดียวกัน ต้องทำตลาดเพื่อจูใจให้พ่อแม่ตัดสินใจซื้อให้ได้ด้วย เข้าทำนอง คนเล่นไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้เล่น

ถิรดาเองมองว่า แนวโน้มพ่อแม่จะหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กด้วยของเล่นที่มีประโยชน์มากขึ้น และของเล่นเด็กแนวการศึกษาก็เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยได้ ซึ่งต้องเป็นของเล่นที่เสริมทักษะและให้ความรู้ ซึ่งต้องทำให้ของเล่นเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ จะทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าของเล่นเด็กดูดีในสายตาผู้ปกครอง พ่อแม่เองก็ยอมกล้าทุ่มเงินในการซื้อของเล่นที่มีสาระมากขึ้น เพราะมองว่าของเล่นแบบนี้เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตมากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย

ความเชื่อนี้เองทำให้เธอไม่หยุดที่จะพยายามสรรหาของเล่นใหม่ๆที่มีประโยชน์เข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 15 แบรนด์ ในปีนี้เธอยังเล็งอีก 6 แบรนด์ที่จะนำเข้ามาทำตลาดในทไทย ตัวล่าสุดก็คือ วีเทค ของเล่นเพื่อการศึกษา เช่น แล็ปท็อปสำหรับเด็ก วีสมายล์พ็อคเก็ตวิดีโอเกมส์ เป็นต้น ราคาเฉลี่ย 495-10,880 บาท

ขณะเดียวกันได้ขยายธุรกิจด้วยการลงทุนกว่า 4 ล้านบาทเพื่อช้อปภายชื่อ “คิดแลนด์” ที่คริสตัลพาร์คย่านรามอินทรา เพื่อเป็นหน้าร้านและโชว์รูม พร้อมกับเป้าหมายยอดขายปีนี้เติบโต 20% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 100 ล้านบาท