"สมัคร" ทุบโต๊ะประชุมบอร์ดพัฒนาระบบรางฯ ตะลุยก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ระยะทางกว่า 2.6 พันกม. พร้อมทุ่มเม็ดเงิน 3.67 แสนล้าน วาดฝันเชื่อมโยงโครงข่ายขนส่งสินค้า 4 ประเทศ ทั้งจีน , ลาว และพม่า คาดชงกรอบแผนงานเข้าครม.เห็นชอบ สัปดาห์หน้า ไม่หวั่นสหภาพแรงงานคัดค้าน
วันนี้(2 พ.ค.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชนที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวานนี้ ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมเดินหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ระยะทางรวม 2,644 กิโลเมตร วงเงิน 367,312ล้านบาทและใช้รางขนาดความกว้าง 1.435 เมตร(Standard Gauge)ทั้งหมด
โดยระยะแรก ประกอบด้วย สายตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตก หนองคาย-กาญจนบุรี ประเทศพม่า ระยะทาง 990 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 132,660 ล้านบาท สายตะวันออก-เหนือ อุบลราชธานี-ชุมทางจิระ (จ.นครราชสีมา) ระยะทาง 311 กิโลเมตรวงเงินก่อสร้าง 41,674 ล้านบาท สายตะวันออก แก่งคอย-มาบตาพุฒ ระยะทาง 247กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 33,098 ล้านบาท ,สายเหนือ เชียงของ-บ้านภาชี ระยะทาง796 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 111,880 ล้านบาท
ส่วนระยะที่ 2 เป็นเส้นทางสายใหม่ ตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันออก ชุมทางจิระ-มาบตาพุฒ ระยะทาง 300 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 48,000 ล้านบาท สำหรับรูปแบบการลงทุนนั้น เบื้องต้นจะให้เอกชนมาร่วมลงทุน ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน อาณัติสัญญาณ ขบวนรถและรับสัมปทานเดินรถระยะเวลา 25-30 ปี เป็นการตอบแทน โดยมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)ไปเร่งศึกษาแนวทางการร่วมทุนตามพระราชบัญญัติเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535
"เส้นทางดังกล่าวทั้งหมดจะให้บริการเดินรถสินค้าจากจีน,ลาว,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางไปยังท่าเรือแหลมฉบังของไทยและท่าเรือทวาย(ประเทศพม่า) พร้อมทั้งแบ่งเป็นบริการรถโดยสารในเส้นทางที่มีรัศมี 200-300 กิโลเมตรจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ใช้เวลาเดินทางภายใน 2 ชั่วโมง คือจ.นครสวรรค์,นครราชสีมา,จ.จันทบุรี,พัทยาและหัวหิน โดยใช้รถไฟด่วนความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง"
ทั้งนี้ บอร์ดยังมีมติให้เราเดินหน้าก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ซึ่งใช้รางขนาด1.435 ทั้งหมด และก่อสร้างตามแนวเขตทางรถไฟปัจจุบัน โดยแบ่งเป็นบริการสินค้าและบริการผู้โดยสารในรัศมี 200-300 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรเพราะใช้รางเดียวกัน เพียงแค่เปลี่ยนขบวนรถเท่านั้น จากนี้กระทรวงคมนาคม จะเร่งรัดการทำงาน อย่างเร็วที่สุด โดยมั่นใจว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถเสนอกรอบการทำงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้และหากผ่านความเห็นชอบ รถไฟฯจะเดินหน้าการร่าง TOR ทันที"นายสันติกล่าว
นายสันติ กล่าวอีกว่า สำหรับรางรถไฟเดิมนั้นคณะกรรมการฯมีมติเห็นชอบให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 39,000 ล้านบาท เพื่อนำมาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และให้ร.ฟ.ท.แข่งขันเดินรถกับเอกชนที่ลงทุนและรับสัมปทานทางคู่ทั้งนี้แนวทางดังกล่าวอาจสร้างความไม่พอใจให้กับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ร.ฟ.ท.ได้นั้น ต้องย้อนถามสหภาพร.ฟ.ท.ว่า อยากให้ประเทศชาติและองค์กรพัฒนาหรือไม่
สำหรับปัญหาหนี้สินกว่า 40,000 ล้านบาทของร.ฟ.ท.คงต้องรอให้สะสางปัญหาการสรรหาผู้ว่าร.ฟ.ท.เสร็จสิ้นก่อนจากนั้นตนจะเดินหน้าตามแนวทางที่เตรียมไว้ทันที โดยการใช้ทรัพย์สินที่ ร.ฟ.ท.มีมากที่สุด คือ ที่ดิน มาบริหารจัดการให้เกิดมูลค่า เพื่อนำมาล้างภาระหนี้ โดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณจากรัฐบาล
นายสันติ ระบุว่า ระบบรางอันเก่า รัฐบาลจะให้งบประมาณตามที่รถไฟฯร้องขอ คือ 39,000 ล้านบาท มาปรับปรุงให้ดีขึ้น เช่นเปลี่ยนไม้หมอนจากไม้มาเป็นคอนกรีต และรถไฟฯต้องแข่งขันเดินรถกับเอกชนที่เขาลงทุนทางคู่ ผมเห็นว่างานนี้รถไฟฯไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะรัฐบาลลงทุนให้ทั้งหมด ถ้ายังแข่งกับเขาไม่ได้ ก็คงต้องงัดเหล็กที่ทำรางไปขายแทนแล้ว ส่วนเรื่องที่สหภาพฯเขาอาจไม่พอใจที่ต้องแข่งกับเอกชน ผมก็คงต้องถามกลับไปว่า อยากให้บ้านเมืองพัฒนาหรืออยากให้เป็นเต่าล้านปีอยู่แบบนี้
นายสันติ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกทม.และปริมณฑลว่าล่าสุดได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า สายสีเขียวเข้ม(ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา)และสีเขียวอ่อน (ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) มีความคืบหน้าดีกว่าสีน้ำเงิน(ส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค)มากและอาจได้เปิดประมูลก่อนด้วยเพราะขณะนี้การจัดทำแบบ และการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขอเดินหน้างานก่อสร้างเท่านั้นส่วนเรื่องเงินลงทุนกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมออกพันธบัตร