“สมใจนึก” เปิดทาง สละเก้าอี้ประธานบอร์ดอีลิท อ้างเป็นมารยาททางการเมืองหลังตั้งรัฐบาลใหม่ ด้าน ททท.ผู้ถือหุ้น 100% ตั้ง 5 กรรมการใหม่แทนตำแหน่งที่ว่าง พร้อมเตรียมเรียกประชุม ชงเรื่องตั้งประธานบอร์ดสัปดาห์หน้า ด้าน ทีพีซี เล็งชงโปรเจกต์ “บิสสิเนส ดิเวลลอปเมนต์ สตรีม แพกเกจ” ปั้นรายได้ขาที่สอง หารือบอร์ดใหม่
แหล่งข่าวจาก บริษัท ไทยแลนด์ พรีวิเลจ คาร์ด จำกัด หรือ ทีพีซี ผู้ดูแลโครงการบัตรอีลิทการ์ด เปิดเผยว่า ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นทีพีซี ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการบริษัทรวม 5 ท่าน ได้แก่ นายสรจักร เกษมสุวรรณ นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ (ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) นายปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย และ นายสุรกิจ ลิ้มสิทธิกูล เพื่อเข้ามาแทนกรรมการในบอร์ดชุดเก่า ที่ลาออกไป 5 ท่าน
โดยในที่นี้มี นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ซึ่งได้ยื่นใบลาออกรวมอยู่ด้วย ส่วนอีก 4 ท่านที่ลาออกเป็น กรรมการ ได้แก่ 1.นายชนะ รัตนพล 2.นายขวัญชัย โหมดประดิษฐ์ 3.นายวสิงห์ กิตติกุล (อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด มหาชน) และ 4.นายรพี ม่วงนนท์ (ลาออกตั้งแต่เข้ารับสมัครคัดเลือกเป็นผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี)
ทั้งนี้ คาดว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะเชิญประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ทั้งหมด เพื่อเลือกประธานบอร์ด แทน นายสมใจนึก เองตระกูล เพื่อให้การทำงานสามารถดำเนินต่อไปอย่างไม่ติดขัด ขณะเดียวกัน งานตามแผนงานที่วางไว้ก็ยังคงเดินหน้าต่อตามปกติ
“ตามโครงสร้างการทำงานของทีพีซี ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็นประธานบอร์ด ขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุมจะโหวดให้ใครที่อยู่ในคณะกรรมการชุดนั้น ดังนั้น ขณะนี้ทุกท่านก็มีสิทธิ์เท่าๆ กันทั้งหมด ทั้งกรรมการเก่า และกรรมการใหม่”
ทางด้าน นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตประธานบอร์ด อีลิท การ์ด กล่าวถึงสาเหตุที่ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง ว่า ถือเป็นมารยาทที่ควรปฏิบัติ เนื่องจากขณะนี้ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคนใหม่ เข้ามาบริหารงาน ดังนั้น จึงต้องการเปิดทางให้มีการคัดเลือกประธานคนใหม่เข้ามาบริหารงาน ขณะเดียวกัน โดยส่วนตัวก็มีภารกิจการทำงานให้กับหลายๆ องค์กรแล้ว เกรงว่า จะแบ่งเวลามาดูงานให้กับทีพีซีได้ไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม มองว่า แผนธุรกิจของทีพีซี ภายใต้การนำของ นายรพี ม่วงนนท์ ผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี คนปัจจุบัน มองว่า เป็นแผนที่มีความเป็นรูปธรรมสูง และเป็นแผนงานที่เหมาะสม จึงอยากให้รัฐบาล และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้การสนับสนุนการทำงานของทีพีซีอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยอย่างจริงจัง
ขายทัวร์หรูปั้นรายได้ขาที่สอง
แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อมีการแต่งตั้งบอร์ดใหม่ครบสมบูรณ์แล้ว ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งต่อไป ก็จะมีการยื่นเสนอแผนงานในโครงการ “บิสสิเนส ดิเวลลอปเมนต์ สตรีม แพกเกจ” ให้ที่ประชุมและบอร์ดได้รับทราบ หรือเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมก่อนดำเนินการ เพราะโครงการดังกล่าว ผ่านความเห็นชอบของบอร์ดชุดเดิมแล้ว
สำหรับโครงการนี้เป็นแคมเปญที่จะเข้ามาเสริมธุรกิจของทีพีซี โดยจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มเติมขึ้นมาจากคอมมิชชันจากเวนเดอร์ หรือพันธมิตรทางการค้า ที่นอกเหนือจากรายได้ที่มาจากการขายบัตรสมาชิก หากบอร์ดใหม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ก็จะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 2 ปีนี้
รายละเอียดของ “บิสสิเนส ดิเวลลอปเมนต์ สตรีม แพกเกจ” คือ เป็นแพกเกจทัวร์ ระดับไฮเอนด์ หรูหรา แบบที่ไม่มีขายในท้องตลาด เช่น เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว หรือเฮลิคอปเตอร์เหมาลำ พักโรงแรมระดับหรูหรา รับประทานอาหารชั้นเลิศ ทำสปา เล่นกอล์ฟ เช็คสุขภาพ และบริการอื่นๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ เบื้องต้นจะเสนอขายกับสมาชิกผู้ถือบัตร หากประสบความสำเร็จ ปีหน้าจะขยายไปยังกลุ่มที่ไม่ได้เป็นสมาชิก แต่อาจเป็นบุคคลที่สมาชิกแนะนำเข้ามา หรือลูกค้าเป้าหมายที่อาจเข้ามาเป็นสมาชิกในอนาคตข้างหน้า ซึ่งส่วนนี้จะจัดเป็นแพกเกจทัวร์ระดับไฮเอนด์ นำเสนอขายผ่านตัวแทนจำหน่ายบัตรอีลิท ที่อยู่ในต่างประเทศ เพื่อให้บุคคลกลุ่มนี้ได้มาทดลองและสัมผัสบริการที่เหนือใคร ได้ที่ประเทศไทย
“แผนงานนี้ เพื่อเจาะนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มไฮเอนด์, เมดิคัล, ไมซ์, กลุ่มที่ต้องการเข้ามาซื้อหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มที่ชื่นชอบบริการแบบลักซูรีโปรดักส์ & เซอร์วิส โดยขณะนี้ ทีพีซี ได้ติดต่อกลุ่มเวนเดอร์ เพื่อนำสินค้าและบริการ มาจัดเป็นแพกเกจทัวร์ เช่น สนามกอล์ฟ สปา โรงแรม โรงพยาบาล เป็นต้น” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 ปีนี้ ทีพีซี ยังได้เตรียมเพิ่มผู้แทนจำหน่ายบัตรอีลิทให้มากขึ้น เพื่อเป็นการขยายตลาดและฐานลูกค้า ได้แก่ ที่ประเทศจีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศในยุโรป
ทางด้านผลประกอบการ ไตรมาสแรกยอดสมาชิกใหม่ ประมาณ 15 ราย เทียบกับปีก่อนที่มีสมาชิกใหม่ 64 ราย ทั้งนี้ เพราะการปรับราคาบัตรจาก ใบละ 1 ล้านบาท เป็นใบละ 1.5 ล้านบาท และลดสิทธิประโยชน์ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดอาฟเตอร์ช็อก ในช่วงแรก ซึ่งขณะนี้ ทีพีซี ก็เริ่มเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศ ชี้แจงทำความเข้าใจ และยังเตรียมปรับเพิ่มบริการ คาดว่า เมื่อแผนงานและบริการที่ชัดเจน ลูกค้าก็จะให้ความมั่นใจเช่นเคย
แหล่งข่าวจาก บริษัท ไทยแลนด์ พรีวิเลจ คาร์ด จำกัด หรือ ทีพีซี ผู้ดูแลโครงการบัตรอีลิทการ์ด เปิดเผยว่า ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นทีพีซี ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการบริษัทรวม 5 ท่าน ได้แก่ นายสรจักร เกษมสุวรรณ นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ (ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) นายปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย และ นายสุรกิจ ลิ้มสิทธิกูล เพื่อเข้ามาแทนกรรมการในบอร์ดชุดเก่า ที่ลาออกไป 5 ท่าน
โดยในที่นี้มี นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ซึ่งได้ยื่นใบลาออกรวมอยู่ด้วย ส่วนอีก 4 ท่านที่ลาออกเป็น กรรมการ ได้แก่ 1.นายชนะ รัตนพล 2.นายขวัญชัย โหมดประดิษฐ์ 3.นายวสิงห์ กิตติกุล (อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด มหาชน) และ 4.นายรพี ม่วงนนท์ (ลาออกตั้งแต่เข้ารับสมัครคัดเลือกเป็นผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี)
ทั้งนี้ คาดว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะเชิญประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ทั้งหมด เพื่อเลือกประธานบอร์ด แทน นายสมใจนึก เองตระกูล เพื่อให้การทำงานสามารถดำเนินต่อไปอย่างไม่ติดขัด ขณะเดียวกัน งานตามแผนงานที่วางไว้ก็ยังคงเดินหน้าต่อตามปกติ
“ตามโครงสร้างการทำงานของทีพีซี ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็นประธานบอร์ด ขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุมจะโหวดให้ใครที่อยู่ในคณะกรรมการชุดนั้น ดังนั้น ขณะนี้ทุกท่านก็มีสิทธิ์เท่าๆ กันทั้งหมด ทั้งกรรมการเก่า และกรรมการใหม่”
ทางด้าน นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตประธานบอร์ด อีลิท การ์ด กล่าวถึงสาเหตุที่ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง ว่า ถือเป็นมารยาทที่ควรปฏิบัติ เนื่องจากขณะนี้ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคนใหม่ เข้ามาบริหารงาน ดังนั้น จึงต้องการเปิดทางให้มีการคัดเลือกประธานคนใหม่เข้ามาบริหารงาน ขณะเดียวกัน โดยส่วนตัวก็มีภารกิจการทำงานให้กับหลายๆ องค์กรแล้ว เกรงว่า จะแบ่งเวลามาดูงานให้กับทีพีซีได้ไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม มองว่า แผนธุรกิจของทีพีซี ภายใต้การนำของ นายรพี ม่วงนนท์ ผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี คนปัจจุบัน มองว่า เป็นแผนที่มีความเป็นรูปธรรมสูง และเป็นแผนงานที่เหมาะสม จึงอยากให้รัฐบาล และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้การสนับสนุนการทำงานของทีพีซีอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยอย่างจริงจัง
ขายทัวร์หรูปั้นรายได้ขาที่สอง
แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อมีการแต่งตั้งบอร์ดใหม่ครบสมบูรณ์แล้ว ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งต่อไป ก็จะมีการยื่นเสนอแผนงานในโครงการ “บิสสิเนส ดิเวลลอปเมนต์ สตรีม แพกเกจ” ให้ที่ประชุมและบอร์ดได้รับทราบ หรือเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมก่อนดำเนินการ เพราะโครงการดังกล่าว ผ่านความเห็นชอบของบอร์ดชุดเดิมแล้ว
สำหรับโครงการนี้เป็นแคมเปญที่จะเข้ามาเสริมธุรกิจของทีพีซี โดยจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มเติมขึ้นมาจากคอมมิชชันจากเวนเดอร์ หรือพันธมิตรทางการค้า ที่นอกเหนือจากรายได้ที่มาจากการขายบัตรสมาชิก หากบอร์ดใหม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ก็จะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 2 ปีนี้
รายละเอียดของ “บิสสิเนส ดิเวลลอปเมนต์ สตรีม แพกเกจ” คือ เป็นแพกเกจทัวร์ ระดับไฮเอนด์ หรูหรา แบบที่ไม่มีขายในท้องตลาด เช่น เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว หรือเฮลิคอปเตอร์เหมาลำ พักโรงแรมระดับหรูหรา รับประทานอาหารชั้นเลิศ ทำสปา เล่นกอล์ฟ เช็คสุขภาพ และบริการอื่นๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ เบื้องต้นจะเสนอขายกับสมาชิกผู้ถือบัตร หากประสบความสำเร็จ ปีหน้าจะขยายไปยังกลุ่มที่ไม่ได้เป็นสมาชิก แต่อาจเป็นบุคคลที่สมาชิกแนะนำเข้ามา หรือลูกค้าเป้าหมายที่อาจเข้ามาเป็นสมาชิกในอนาคตข้างหน้า ซึ่งส่วนนี้จะจัดเป็นแพกเกจทัวร์ระดับไฮเอนด์ นำเสนอขายผ่านตัวแทนจำหน่ายบัตรอีลิท ที่อยู่ในต่างประเทศ เพื่อให้บุคคลกลุ่มนี้ได้มาทดลองและสัมผัสบริการที่เหนือใคร ได้ที่ประเทศไทย
“แผนงานนี้ เพื่อเจาะนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มไฮเอนด์, เมดิคัล, ไมซ์, กลุ่มที่ต้องการเข้ามาซื้อหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มที่ชื่นชอบบริการแบบลักซูรีโปรดักส์ & เซอร์วิส โดยขณะนี้ ทีพีซี ได้ติดต่อกลุ่มเวนเดอร์ เพื่อนำสินค้าและบริการ มาจัดเป็นแพกเกจทัวร์ เช่น สนามกอล์ฟ สปา โรงแรม โรงพยาบาล เป็นต้น” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 ปีนี้ ทีพีซี ยังได้เตรียมเพิ่มผู้แทนจำหน่ายบัตรอีลิทให้มากขึ้น เพื่อเป็นการขยายตลาดและฐานลูกค้า ได้แก่ ที่ประเทศจีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศในยุโรป
ทางด้านผลประกอบการ ไตรมาสแรกยอดสมาชิกใหม่ ประมาณ 15 ราย เทียบกับปีก่อนที่มีสมาชิกใหม่ 64 ราย ทั้งนี้ เพราะการปรับราคาบัตรจาก ใบละ 1 ล้านบาท เป็นใบละ 1.5 ล้านบาท และลดสิทธิประโยชน์ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดอาฟเตอร์ช็อก ในช่วงแรก ซึ่งขณะนี้ ทีพีซี ก็เริ่มเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศ ชี้แจงทำความเข้าใจ และยังเตรียมปรับเพิ่มบริการ คาดว่า เมื่อแผนงานและบริการที่ชัดเจน ลูกค้าก็จะให้ความมั่นใจเช่นเคย