ปาร์คนายเลิศฯเล็งผุดคอมเพล็กซ์ยักษ์บนพื้นที่ข้างโรงแรม รับตลาดลองสเตย์ เผยธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯแข่งดุ ถึงขั้นโอเวอร์ซัปพลาย ถือโอกาสครบรอบ 25 ปี งัดแคมเปญเด็ดจองห้องพักยกทีวีกลับบ้านฟรี หวังกระตุ้นแขกเข้าพักได้เพิ่ม กว่า 15% ช่วงโลว์ซีซั่น 2 เดือนนี้
นายออเรลโล กิราโด้ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยถึงแผนการลงทุนว่า ขณะนี้คณะผู้บริหารโรงแรมอยู่ระหว่างการหารือเพื่อลงทุนทำโครงการปาร์คนายเลิศคอมเพล็กซ์และเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ เพื่อเป็นการรองรับความต้องการของตลาดพำนักระยะยาว (ลองสเตย์) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน คาดว่ามูลค่าโครงการน่าจะหลายพันล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุป ถ้าหากคณะผู้บริหารตกลงโครงการนี้จะแล้วเสร็จภายในปี 2553 โดยจะสร้างในที่ดินผืนเดียวกันกับที่ตั้งโรงแรมปาร์คนายเลิศ ซึ่งปัจจุบันใช้พื้นที่ไปแล้ว ประมาณ 20 ไร่ จากที่ดินทั้งหมดที่มีอยู่ราว 35 ไร่
นางโจแอน ชัง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด โรงแรม ปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ธุรกิจโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ขณะนี้มีการแข่งขันสูงมาก โดยคู่แข่งขันมีทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่เกิดขึ้นใหม่ และโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่มีการตกแต่งแบบไลฟ์สไตล์ที่ผุดขึ้นใหม่ๆ
นอกจากนั้นยังมีกลุ่มธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และคอนโดมิเนียมระดับหรูที่เปิดให้เช่า มาร่วมเป็นคู่แข่งขันด้วย จึงทำให้ผู้ประกอบการต้องคิดกลยุทธ์ใหม่ๆ มานำเสนอแก่ลูกค้าเพื่อเป็นการดึงดูด โดยเฉพาะช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. ที่ถือเป็นโลว์ซีซั่นของโรงแรมในกรุงเทพฯ เพราะมีวันหยุดยาว กับอากาศที่ร้อนมาก นักท่องเที่ยวจึงไม่นิยมเดินทางเข้ามา และกรุ๊ปสัมมนาก็ไม่นิยมเข้ามาจัดงานด้วย
ดังนั้นช่วงเวลา 2 เดือนดังกล่าว โรงแรมปาร์คนายเลิศ จึงจัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อสร้างความแตกต่าง ฉีกหนีคู่แข่งขัน นำเสนอเป็น “ทีวี วีคเอนด์ แพกเกจ” พักเพียง 1 คืน รับทีวี 21 นิ้ว ที่ตั้งอยู่ภายในห้องกลับบ้านได้ทันที เจาะเฉพาะลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น โดยลูกค้าจองห้องพักคืนวันเสาร์ในราคาห้องละ 5,525 บาท (รวมค่าบริการและภาษีแล้ว) พร้อมรับฟรีอาหารเช้า สำหรับ 2 ท่าน เช็คเอาท์ได้ถึง 16.00 น. พร้อมรับทีวีในห้องกลับบ้าน หากลูกค้าต้องการรับประทานบุฟเฟ่ต์กลางวัน ก็จ่ายเพียง 1 ท่าน แต่ทานได้ 2 ท่าน ตั้งเป้าหมายช่วยเพิ่มอัตราเข้าพักในช่วงจัดแคมเปญได้อีก 400-500 รูมไนท์ หรือเติบโตอีก 15-20% จากช่วงปกติ
“จากสภาวะการณ์แข่งขันที่รุนแรง ประกอบกับ กำลังรีโนเวตโรงแรม และปีนี้ปาร์คนายเลิศครบ 25 ปี ที่เปิดให้บริการ เราจึงอัดแคมเปญที่แรงแบบไม่เคยทำมาก่อน และเป็นแคมเปญที่คิดนอกกรอบแบบไม่เคยมีโรงแรมใดทำมาก่อน ส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความสนใจให้ลูกค้ารายใหม่ๆได้เข้ามาใช้บริการด้วย แนวคิดนี้ทางเชนแรฟเฟิลส์ ไม่ขัดข้อง เพราะจับตลาดในประเทศ และเป็นทางออกในสถานการณ์ที่แข่งขันรุนแรง ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์แต่อย่างใด”
นายออเรลโล กล่าวเสริมอีกว่า ปีนี้ทางโรงแรมจะจัดโปรโมชั่นในรูปแบบนี้อีก 3-4 ครั้ง โดยเปลี่ยนสินค้าที่จะให้ลูกค้ายกกลับบ้านไปได้ อาจเป็นตู้เย็น หรืออื่นๆ ที่อยู่ในห้องพัก หรือเป็นโปรโมชั่นอื่นๆ แต่ทุกแคมเปญต้องแรงพอที่จะสร้างความสนใจจากลูกค้าได้
โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางโรงแรมเปิดโปรแกรม Sunday Family Brunch เจาะลูกค้ากลุ่มครอบครัว เพียงเข้ามาทานอาหารที่ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ก็สามารถมาใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมได้ตลอดทั้งวัน เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ครอบครัวคนทำงานที่พักอาศัยในกรุงเทพให้มีที่พักผ่อน นอกเหนือจากการไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือสวนสนุก ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับดี มีผู้ใช้บริการเพิ่มจากเดิมกว่าเท่าตัว ซึ่งทางโรงแรมจะยังคงโปรแกรมนี้ต่อไปตลอดทั้งปี
นายออเรลโล กิราโด้ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยถึงแผนการลงทุนว่า ขณะนี้คณะผู้บริหารโรงแรมอยู่ระหว่างการหารือเพื่อลงทุนทำโครงการปาร์คนายเลิศคอมเพล็กซ์และเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ เพื่อเป็นการรองรับความต้องการของตลาดพำนักระยะยาว (ลองสเตย์) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน คาดว่ามูลค่าโครงการน่าจะหลายพันล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุป ถ้าหากคณะผู้บริหารตกลงโครงการนี้จะแล้วเสร็จภายในปี 2553 โดยจะสร้างในที่ดินผืนเดียวกันกับที่ตั้งโรงแรมปาร์คนายเลิศ ซึ่งปัจจุบันใช้พื้นที่ไปแล้ว ประมาณ 20 ไร่ จากที่ดินทั้งหมดที่มีอยู่ราว 35 ไร่
นางโจแอน ชัง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด โรงแรม ปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ธุรกิจโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ขณะนี้มีการแข่งขันสูงมาก โดยคู่แข่งขันมีทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่เกิดขึ้นใหม่ และโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่มีการตกแต่งแบบไลฟ์สไตล์ที่ผุดขึ้นใหม่ๆ
นอกจากนั้นยังมีกลุ่มธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และคอนโดมิเนียมระดับหรูที่เปิดให้เช่า มาร่วมเป็นคู่แข่งขันด้วย จึงทำให้ผู้ประกอบการต้องคิดกลยุทธ์ใหม่ๆ มานำเสนอแก่ลูกค้าเพื่อเป็นการดึงดูด โดยเฉพาะช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. ที่ถือเป็นโลว์ซีซั่นของโรงแรมในกรุงเทพฯ เพราะมีวันหยุดยาว กับอากาศที่ร้อนมาก นักท่องเที่ยวจึงไม่นิยมเดินทางเข้ามา และกรุ๊ปสัมมนาก็ไม่นิยมเข้ามาจัดงานด้วย
ดังนั้นช่วงเวลา 2 เดือนดังกล่าว โรงแรมปาร์คนายเลิศ จึงจัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อสร้างความแตกต่าง ฉีกหนีคู่แข่งขัน นำเสนอเป็น “ทีวี วีคเอนด์ แพกเกจ” พักเพียง 1 คืน รับทีวี 21 นิ้ว ที่ตั้งอยู่ภายในห้องกลับบ้านได้ทันที เจาะเฉพาะลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น โดยลูกค้าจองห้องพักคืนวันเสาร์ในราคาห้องละ 5,525 บาท (รวมค่าบริการและภาษีแล้ว) พร้อมรับฟรีอาหารเช้า สำหรับ 2 ท่าน เช็คเอาท์ได้ถึง 16.00 น. พร้อมรับทีวีในห้องกลับบ้าน หากลูกค้าต้องการรับประทานบุฟเฟ่ต์กลางวัน ก็จ่ายเพียง 1 ท่าน แต่ทานได้ 2 ท่าน ตั้งเป้าหมายช่วยเพิ่มอัตราเข้าพักในช่วงจัดแคมเปญได้อีก 400-500 รูมไนท์ หรือเติบโตอีก 15-20% จากช่วงปกติ
“จากสภาวะการณ์แข่งขันที่รุนแรง ประกอบกับ กำลังรีโนเวตโรงแรม และปีนี้ปาร์คนายเลิศครบ 25 ปี ที่เปิดให้บริการ เราจึงอัดแคมเปญที่แรงแบบไม่เคยทำมาก่อน และเป็นแคมเปญที่คิดนอกกรอบแบบไม่เคยมีโรงแรมใดทำมาก่อน ส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความสนใจให้ลูกค้ารายใหม่ๆได้เข้ามาใช้บริการด้วย แนวคิดนี้ทางเชนแรฟเฟิลส์ ไม่ขัดข้อง เพราะจับตลาดในประเทศ และเป็นทางออกในสถานการณ์ที่แข่งขันรุนแรง ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์แต่อย่างใด”
นายออเรลโล กล่าวเสริมอีกว่า ปีนี้ทางโรงแรมจะจัดโปรโมชั่นในรูปแบบนี้อีก 3-4 ครั้ง โดยเปลี่ยนสินค้าที่จะให้ลูกค้ายกกลับบ้านไปได้ อาจเป็นตู้เย็น หรืออื่นๆ ที่อยู่ในห้องพัก หรือเป็นโปรโมชั่นอื่นๆ แต่ทุกแคมเปญต้องแรงพอที่จะสร้างความสนใจจากลูกค้าได้
โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางโรงแรมเปิดโปรแกรม Sunday Family Brunch เจาะลูกค้ากลุ่มครอบครัว เพียงเข้ามาทานอาหารที่ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ก็สามารถมาใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมได้ตลอดทั้งวัน เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ครอบครัวคนทำงานที่พักอาศัยในกรุงเทพให้มีที่พักผ่อน นอกเหนือจากการไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือสวนสนุก ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับดี มีผู้ใช้บริการเพิ่มจากเดิมกว่าเท่าตัว ซึ่งทางโรงแรมจะยังคงโปรแกรมนี้ต่อไปตลอดทั้งปี
