บีอีซี-เทโร ชะลอแผนจัดอีเวนต์ครึ่งปีแรก ขอรุกครึ่งปีหลังเตรียมเจรจาว่าจ้างให้บริษัทจากอเมริกาทำแทน พร้อมเดินหน้าจัดคอนเสิร์ตต่างประเทศรวม 15-16 งานปีนี้ มั่นใจทั้งปีโตอีก 10-12% มูลค่า 1,300ล้านบาท
นายไบรอัน แอล.มาร์การ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทบีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ มีการวางแผนการดำเนินธุรกิจจัดอีเวนต์ใหม่ โดยช่วงครึ่งปีแรกนี้ทางบริษัทฯจะไม่มีการจัดอีเวนต์แต่อย่างไร ทั้งนี้เนื่องจากหลายๆ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจึงได้ชะลอแผนการจัดอีเวนต์ไว้ก่อน โดยเฉพาะจะเป็นความชัดเจนของรัฐบาลที่เริ่มจะดีขึ้นในช่วงนี้
ขณะเดียวกันทางบริษัทฯ มองว่าหลังจากนี้จะไม่เป็นผู้จัดงานอีเวนต์เอง แต่จะว่าจ้างให้บริษัทฯที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้เข้ามาดูแลให้ โดยในขณะนี้ทางบริษัทฯกำลังมีการพูดคุยเจรจากับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจจัดงานอีเวนต์จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่รับงานจัดอีเวนต์ทั่วโลก คาดว่าในระยะอันใกล้น่าจะสามารถตกลงกันได้
สำหรับแผนการนำคอนเสิร์ตต่างประเทศ เข้ามาจัดแสดงในประเทศไทยปีนี้ บริษัทฯเตรียมที่จะนำเข้ามาไม่ต่ำกว่า 15-16 รายการ มั่นใจว่าจะไม่มีงานใดขอยกเลิกจัดงานในไทย เนื่องจากประเทศไทยเริ่มมีความชัดเจนทางการเมือง เพราะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้จำนวนงานที่จะจัดนั้นถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากเดิมในปีก่อนที่มีเพียง 12 รายการ เนื่องจากปีก่อนมีปัญหาการถูกยกเลิกจัดงานแสดงช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้ และการเมือง
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะลงทุน ในลักษณะร่วมทุนกับหน่วยงานของทางภาครัฐ ในการสร้างฮอลล์ขึ้นใหม่ ภายใต้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ในเร็วๆนี้ด้วย สำหรับใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานต่างๆที่บริษัทฯเป็นผู้จัดขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก ส่วนบีอีซี เทโร ฮอล์ล เดิมที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวนลุมไนท์บาร์ซ่าได้หมดสัญญา และคืนให้กับทางเจ้าของเดิมไปตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังในปีที่ผ่านมาแล้ว
นายไบรอัน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯคาดว่าน่าจะมีอัตราการเติบโตขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยการเติบโตดังกล่าว มาจากรายการทีวี 2 รายการ คือ เรื่องเล่าเช้านี้ และรายการ ถ้าคุณแน่อย่าแพ้ ป.4 ที่ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 มีเรตติ้งดีขึ้น และสามารถขายเวลาโฆษณาได้มากขึ้นด้วย ซึ่งหากทั้ง 2รายการยังได้รับความนิยมต่อไปเรื่อย จะส่งผลให้ทั้งปี บริษัทฯน่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,300-1,400 ล้านบาท หรือมีการเติบโตขึ้น 10-12% โดยมาจากกลุ่มรายการทีวี 50% และกลุ่มธุรกิจจัดงานอีเวนต์และนำเข้าคอนเสิร์ตอีก 50%
นายไบรอัน แอล.มาร์การ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทบีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ มีการวางแผนการดำเนินธุรกิจจัดอีเวนต์ใหม่ โดยช่วงครึ่งปีแรกนี้ทางบริษัทฯจะไม่มีการจัดอีเวนต์แต่อย่างไร ทั้งนี้เนื่องจากหลายๆ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจึงได้ชะลอแผนการจัดอีเวนต์ไว้ก่อน โดยเฉพาะจะเป็นความชัดเจนของรัฐบาลที่เริ่มจะดีขึ้นในช่วงนี้
ขณะเดียวกันทางบริษัทฯ มองว่าหลังจากนี้จะไม่เป็นผู้จัดงานอีเวนต์เอง แต่จะว่าจ้างให้บริษัทฯที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้เข้ามาดูแลให้ โดยในขณะนี้ทางบริษัทฯกำลังมีการพูดคุยเจรจากับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจจัดงานอีเวนต์จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่รับงานจัดอีเวนต์ทั่วโลก คาดว่าในระยะอันใกล้น่าจะสามารถตกลงกันได้
สำหรับแผนการนำคอนเสิร์ตต่างประเทศ เข้ามาจัดแสดงในประเทศไทยปีนี้ บริษัทฯเตรียมที่จะนำเข้ามาไม่ต่ำกว่า 15-16 รายการ มั่นใจว่าจะไม่มีงานใดขอยกเลิกจัดงานในไทย เนื่องจากประเทศไทยเริ่มมีความชัดเจนทางการเมือง เพราะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้จำนวนงานที่จะจัดนั้นถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากเดิมในปีก่อนที่มีเพียง 12 รายการ เนื่องจากปีก่อนมีปัญหาการถูกยกเลิกจัดงานแสดงช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้ และการเมือง
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะลงทุน ในลักษณะร่วมทุนกับหน่วยงานของทางภาครัฐ ในการสร้างฮอลล์ขึ้นใหม่ ภายใต้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ในเร็วๆนี้ด้วย สำหรับใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานต่างๆที่บริษัทฯเป็นผู้จัดขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก ส่วนบีอีซี เทโร ฮอล์ล เดิมที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวนลุมไนท์บาร์ซ่าได้หมดสัญญา และคืนให้กับทางเจ้าของเดิมไปตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังในปีที่ผ่านมาแล้ว
นายไบรอัน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯคาดว่าน่าจะมีอัตราการเติบโตขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยการเติบโตดังกล่าว มาจากรายการทีวี 2 รายการ คือ เรื่องเล่าเช้านี้ และรายการ ถ้าคุณแน่อย่าแพ้ ป.4 ที่ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 มีเรตติ้งดีขึ้น และสามารถขายเวลาโฆษณาได้มากขึ้นด้วย ซึ่งหากทั้ง 2รายการยังได้รับความนิยมต่อไปเรื่อย จะส่งผลให้ทั้งปี บริษัทฯน่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,300-1,400 ล้านบาท หรือมีการเติบโตขึ้น 10-12% โดยมาจากกลุ่มรายการทีวี 50% และกลุ่มธุรกิจจัดงานอีเวนต์และนำเข้าคอนเสิร์ตอีก 50%