พอนด์ส ยกเครื่องใหม่พร้อมกันทั่วโลก ชูเทคโนโลยี บรรจุภัณฑ์ ปัดฝุ่นชั้นวางสินค้าใหม่ เปิดตัวประเทศไทยแห่งแรกในเอเชีย อัดฉีดงบกว่า 700 ล้านบาท หว่านกลยุทธ์สินค้ากลุ่มแมสขยายฐานลูกค้าใหม่ ส่วนกลุ่มแมสทีจต่อยอดการใช้ หวังตอกย้ำบัลลังก์ผู้นำตลาดรักษาแชร์กว่า 22%
นางวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทยเทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์การดูแลผิวพอนด์ส เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดสูตรพอนด์สใหม่ 3 กลุ่ม ได้แก่ พอนด์ส เอจ มิราเคิล,พอนด์ส ไวท์ บิวตี้ และ พอนด์ส เพอร์เฟค แมท ภายใต้การเทคโนโลยีใหม่ ตลอดจนการปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ และการบริการให้คำแนะนำด้านผิวหน้าและความงามระดับพรีเมียม ชั้นวางสินค้าดีไซน์ใหม่ภายใต้หลักการสัมผัสทั้ง 5 เพื่อประสบการณ์ที่ดี ณ จุดขายร่วม 300 จุดตามโมเดิร์นเทรด เนื่องจากการสำรวจผู้บริโภค 70% ระบุว่า ชั้นวางสินค้าสวยงาม มีสินค้าทดลองใช้ การบริการที่ดี มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้น
นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่พร้อมกันทั่วโลก โดยประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดแรกในเอเชีย และได้วางโครงสร้างผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ มุ่งสร้างภาพลักษณ์ตลาดแมสทีจ หรือวางสินค้าแทรกระหว่างผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับพรีเมียมหรือทางเคาน์เตอร์แบรนด์กับช่องทางรีเทล เนื่องจากตลาดมีอัตราการเติบโต 30% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 30% จากตลาดรวมผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการเพิ่มอัตราการใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มระดับแมสให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีสัดส่วนถึง 70%
กลยุทธ์การทำตลาดจะแบ่งแยกเซกเมนต์อย่างชัดเจน โดยกลุ่มแมส ได้แก่ พอนด์ส ไวท์ บิวตี้, พอนด์ เพอร์เฟค รีซัล และพอนด์ส ไลท์เทน แอนด์ รีนิว จะขยายฐานกลุ่มผู้บริโภครายใหม่ที่ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากพบว่า อัตราการใช้ผลิตภัณฑ์ระดับแมสมีราว 68% ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะขยายตลาดได้อีกมาก อีกทั้งช่องทางจำหน่ายระดับแมสมีสัดส่วนใหญ่ถึง 74% ส่วนกลุ่มแมสทีจ ได้แก่ พอนด์ส ฟลอเลส ไวท์ และพอนด์ส เอจ มิราเคิล จะกระตุ้นผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงและดูแลผิวหน้าแล้ว ยกระดับขึ้นไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูงขึ้น ขณะที่ช่องทางขายตรงและเคาน์เตอร์แบรนด์เกิดภาวะชะลอตัว
นางวรรณิภา กล่าวว่า ปีนี้ได้ทุ่มงบกว่า 700 ล้านบาท ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ 360 องศา อีกทั้งยังเน้นการสื่อสารแบรนด์พอนด์สในทุกผลิตภัณฑ์ทุกแคมเปญทั่วโลก ภายใต้คอนเซปต์ “มหัศจรรย์แห่งความรัก”
สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงและดูแลผิวหน้ามูลค่า 9,975 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาเติบโต 10% แบ่งเป็น ส่วนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า มีมูลค่า 3,220 ล้านบาท เติบโต 9% ส่วนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า 6,755 ล้านบาท โต 11% โดยแบ่งเป็น กลุ่มผิวขาว 3,270 ล้านบาท โต 7% ลดเลือนริ้วรอย 2,685 ล้านบาท โต 14% กลุ่มพื้นฐาน 456 ล้านบาท และอื่นๆ 344 ล้านบาท โดยปัจจุบันพอนด์ส เป็นผู้นำตลาดโดยรวมครองส่วนแบ่ง 22.2% โอเลย์ 20.7% นีเวีย 8.6% เดอร์โม เอ็กซ์ เพอร์ทีส 7.9% การ์นิเย่ 6.5% อื่นๆ 3.4%
นางวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทยเทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์การดูแลผิวพอนด์ส เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดสูตรพอนด์สใหม่ 3 กลุ่ม ได้แก่ พอนด์ส เอจ มิราเคิล,พอนด์ส ไวท์ บิวตี้ และ พอนด์ส เพอร์เฟค แมท ภายใต้การเทคโนโลยีใหม่ ตลอดจนการปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ และการบริการให้คำแนะนำด้านผิวหน้าและความงามระดับพรีเมียม ชั้นวางสินค้าดีไซน์ใหม่ภายใต้หลักการสัมผัสทั้ง 5 เพื่อประสบการณ์ที่ดี ณ จุดขายร่วม 300 จุดตามโมเดิร์นเทรด เนื่องจากการสำรวจผู้บริโภค 70% ระบุว่า ชั้นวางสินค้าสวยงาม มีสินค้าทดลองใช้ การบริการที่ดี มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้น
นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่พร้อมกันทั่วโลก โดยประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดแรกในเอเชีย และได้วางโครงสร้างผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ มุ่งสร้างภาพลักษณ์ตลาดแมสทีจ หรือวางสินค้าแทรกระหว่างผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับพรีเมียมหรือทางเคาน์เตอร์แบรนด์กับช่องทางรีเทล เนื่องจากตลาดมีอัตราการเติบโต 30% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 30% จากตลาดรวมผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการเพิ่มอัตราการใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มระดับแมสให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีสัดส่วนถึง 70%
กลยุทธ์การทำตลาดจะแบ่งแยกเซกเมนต์อย่างชัดเจน โดยกลุ่มแมส ได้แก่ พอนด์ส ไวท์ บิวตี้, พอนด์ เพอร์เฟค รีซัล และพอนด์ส ไลท์เทน แอนด์ รีนิว จะขยายฐานกลุ่มผู้บริโภครายใหม่ที่ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากพบว่า อัตราการใช้ผลิตภัณฑ์ระดับแมสมีราว 68% ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะขยายตลาดได้อีกมาก อีกทั้งช่องทางจำหน่ายระดับแมสมีสัดส่วนใหญ่ถึง 74% ส่วนกลุ่มแมสทีจ ได้แก่ พอนด์ส ฟลอเลส ไวท์ และพอนด์ส เอจ มิราเคิล จะกระตุ้นผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงและดูแลผิวหน้าแล้ว ยกระดับขึ้นไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูงขึ้น ขณะที่ช่องทางขายตรงและเคาน์เตอร์แบรนด์เกิดภาวะชะลอตัว
นางวรรณิภา กล่าวว่า ปีนี้ได้ทุ่มงบกว่า 700 ล้านบาท ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ 360 องศา อีกทั้งยังเน้นการสื่อสารแบรนด์พอนด์สในทุกผลิตภัณฑ์ทุกแคมเปญทั่วโลก ภายใต้คอนเซปต์ “มหัศจรรย์แห่งความรัก”
สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงและดูแลผิวหน้ามูลค่า 9,975 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาเติบโต 10% แบ่งเป็น ส่วนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า มีมูลค่า 3,220 ล้านบาท เติบโต 9% ส่วนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า 6,755 ล้านบาท โต 11% โดยแบ่งเป็น กลุ่มผิวขาว 3,270 ล้านบาท โต 7% ลดเลือนริ้วรอย 2,685 ล้านบาท โต 14% กลุ่มพื้นฐาน 456 ล้านบาท และอื่นๆ 344 ล้านบาท โดยปัจจุบันพอนด์ส เป็นผู้นำตลาดโดยรวมครองส่วนแบ่ง 22.2% โอเลย์ 20.7% นีเวีย 8.6% เดอร์โม เอ็กซ์ เพอร์ทีส 7.9% การ์นิเย่ 6.5% อื่นๆ 3.4%