xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯ คาดปี 51 ตลาดเงินฝากแข่งดุ สะท้อนภาพเศรษฐกิจฟื้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาด ตลาดเงินฝากปีนี้ แบงก์แข่งขันรุนแรง สะท้อนภาพเศรษฐกิจฟื้น พร้อมระบุ ธนาคารจะไม่เน้นการใช้ดอกเบี้ยจูงใจ แต่อาจใช้เงินฝากรูปแบบพิเศษ ชิงฐานลูกค้าใหม่

วันนี้ (28 มี.ค.) บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยสถานการตลาดเงินฝากภายในประเทศช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่า การแข่งขันในตลาดเงินฝากจะมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการสินเชื่อที่จะเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ว่าจะมีการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไทยต้องเตรียมความพร้อมของฐานเงินทุนเพื่อรองรับความต้องการใช้เงินดังกล่าว

เนื่องจากธนาคารพาณิชย์หลายแห่งยังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างเงินทุนและ/หรือขยายขนาดธุรกิจ จึงน่าจะทำให้มีความจำเป็นต้องรักษาและเพิ่มฐานเงินฝากอยู่ นั่นอาจหมายความว่า ธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นๆ ก็อาจจำเป็นต้องเล่นสงครามแย่งชิงเงินฝากต่อไปด้วยเช่นกัน

สำหรับช่วงสองเดือนแรกของปี 2551 เงินฝากของธนาคารพาณิชย์ไทยพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และค่าเฉลี่ยในช่วงสามปีก่อนหน้าถึง 2.42 แสนล้านบาท สาเหตุมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านฤดูกาลที่เงินฝากมักเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี หลังจากที่เงินฝากได้ลดลงไปมากในช่วงปลายปีของทุกปี เพื่อลดภาระการคำนวณเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูฯ รวมถึงการเร่งระดมเงินฝากเพื่อบริหารสภาพคล่องและการปรับโครงสร้างเงินทุน โดยเฉพาะจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางที่ธนาคารหลายแห่งในกลุ่มนี้เพิ่งผ่านพ้นการเพิ่มทุนและหาพันธมิตรทางการเงินใหม่ในปี 2550

นอกจากนี้ การเติบโตในอัตราเร่งของเงินฝากดังกล่าวยังเป็นผลมาจากการรักษาฐานเงินฝากและเตรียมฐานเงินทุนเพื่อขยายฐานธุรกิจ ซึ่งทั้งหมด สะท้อนออกมาในรูปของการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำตั้งแต่ช่วงปลายปี 2550 ควบคู่กับการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากแบบพิเศษต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะสะท้อนการคาดการณ์ของธนาคารพาณิชย์ที่มีต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการขยายสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่เหลือของปี

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสภาวะการแข่งขันในตลาดเงินฝากจะมีความรุนแรง แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คงจะออกมาในรูปของการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากแบบพิเศษที่มีเงื่อนไขการรับฝากเงินชัดเจนและมีระยะเวลารับฝากที่จำกัด มากกว่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นการทั่วไปที่นำโดยธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง เนื่องจากอาจสร้างภาระต้นทุนมากเกินไป จนส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย

ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังถูกคาดหมายว่าจะมีระดับทรงตัว หรือหากจะปรับลดลง ก็คงทำได้ไม่มากนัก ภายใต้เงื่อนไขว่าเงินเฟ้อต้องอ่อนตัวลง ในขณะที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐฯ มากกว่าที่คาด
กำลังโหลดความคิดเห็น