xs
xsm
sm
md
lg

แนวโน้ม และกลยุทธ์การลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ปี2551

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำรายงานสรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2550 และแนวโน้มในปี 2551นี้ ว่าจะมีทิศทางอย่างไร เนื่องจากในปีนี้ บลจ.กรุงไทย ยังคงเน้นเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับเงินลงทุนของลูกค้าที่ครบกำหนดอายุ และต้องการลงทุนต่อเนื่อง นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนประเภทตราสารหนี้ ยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคาร และไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย

ในเบื้องต้นนี้ ขอสรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ในไตรมาส4 ของปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุ สาเหตุหลักมาจากการคาดการณ์กันว่าวัฎจักรดอกเบี้ยขาลงกำลังจะสิ้นสุดลง และอัตราดอกเบี้ยอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2551 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวสูงมากขึ้น จึงทำให้ความต้องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุคงเหลือยาวปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นคู่ค้าทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยมีแนวโน้มที่ไม่สดใสและมีโอกาสที่จะเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) มากขึ้น โดยทางธนาคารกลางสหรัฐได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Target Rate ไปแล้ว 0.50% ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2550 ทำให้ล่าสุดอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Target Rate อยู่ที่ 4.25% ต่อปี

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีแผนที่จะลดการดูแลค่าเงินบาทด้วยวิธีการซื้อขายผ่านตลาดล่วงหน้าลง และแทรกแซงค่าเงินบาทผ่านตลาดแบบซื้อขายทันที (Spot) แทน ส่งผลให้ค่าเงินบาทในตลาดซื้อขายล่วงหน้าปรับตัวแข็งขึ้นและทำให้อัตราดอกเบี้ย Thai Baht Fixed ปรับลดลงส่งผลให้ Swap Curve และ Yield Curve ปรับลดลงในช่วงปลายปี

ส่วนแนวโน้มภาวะตลาดตราสารหนี้ในไตรมาส 1 ปี 2551 คาดว่าอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาครัฐอายุคงเหลือยาว ยังมีแนวโน้มที่จะทรงตัวหรือปรับตัวขึ้นจากระดับเมื่อสิ้น ไตรมาส 4 ปี 2551 เนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงและการทยอยปรับขึ้นราคาสินค้ารวมทั้งการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มซึ่งกดดันให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) อาจจะทำให้ความต้องการสินค้ารวมทั้งน้ำมันลดลงและจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อไม่ปรับตัวสูงขึ้นไปมากนัก ซึ่งทางบลจ.กรุงไทยคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2551 มีแนวโน้มที่จะอยู่ที่ระดับ 3.25-3.50% ต่อปี

ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงให้ Portfolio ในกองทุนประเภทตราสารหนี้ บลจ.กรุงไทย จะทยอยลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือยาว โดยจะพยายามรักษา Duration ให้อยู่ในระดับประมาณ 0.5 – 1.5 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น