สวนสามพราน โรสการ์เด้น ทุ่ม 50 ล้านบาท เปลี่ยนเครื่องจักร แอร์ เข้าโครงการ “กรีน โกลบ” ชูจุดขายรักษ์สิ่งแวดล้อม รับเทรนด์ท่องเที่ยวโลก ระบุ 2 ปีที่บริหารงานเองรายได้ และผลกำไรโตต่อเนื่อง
นางสุชาดา ยุวบูรณ์ ประธานบริหาร สวนสามพราน โรงแรมโรสกาเด้น ริเวอร์ไซด์ เปิดเผยว่า ในปี 2551 ตั้งเป้าหมายรายได้รวมทั้งสวนสามพราน และ โรงแรมโรสกาเด้น ไว้ที่ 250 ล้านบาท มีกำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 12 ล้านบาท โดยเมื่อต้นปี เริ่มทยอยชำระหนี้ที่มีประมาณ 200 ล้านบาท บ้างแล้ว ส่วนปี 2550 มีรายได้ 233 ล้านบาท กำไร 7 ล้านบาท และปี 2549 มีรายได้ 221 ล้านบาท กำไร 1 ล้านบาท จะเห็นว่า ผลประกอบการเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่เราได้เข้ามาบริหารงานเอง 2 ปีที่ผ่านมา จากก่อนหน้านี้ ที่ใช้เชนต่างประเทศบริหาร สาเหตุเพราะ เรารู้จักเลือกวางสินค้าให้เหมาะกับตลาด พัฒนาสินค้าไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์การท่องเที่ยวของโลก ล่าสุด ตลาดคนไทยเตรียมจัดแคมเปญ ประกวดภาพถ่ายกับสวนสามพรานในอดีต และกิจกรรมอื่นๆ กระตุ้นตลาดคนไทย ตลอดทั้งปี
ล่าสุด ทางโรงแรมได้ร่วมกับสมาคมการท่องเที่ยวเอเชียแปซิฟิก (PATA) ในการพัฒนามาตรฐานสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการ “กรีนโกลบ” ตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 1 ปี นับจากนี้ไป โรงแรมโรสการ์เด้น จะต้องได้มาตรฐาน กรีนโกลบ ระดับ ซิลเวอร์ และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายดังกล่าว ปีนี้ทางโรงแรมจะใช้เงินลงทุนอีกราว 50 ล้านบาท ในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร และเครื่องปรับอากาศ ที่เป็นระบบประหยัดพลังงานและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ แนวคิดแผนงานดังกล่าว เพราะทางโรสการ์เด้นตระหนักถึงเทรนด์นักท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวโลกที่เปลี่ยนไป ทุกคนเริ่มให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขณะที่ผู้ประกอบการคนไทยยังไม่ตื่นตัวมากเท่าที่ควร ซึ่งหากเราได้ริเริ่มก่อนก็เท่ากับเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้แก่องค์กร โดยผลการจัดอันดับของ World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2008 ระบุว่า ไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 90 ด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งห่างจากประเทศคู่แข่งขันอย่างสิงคโปร์ และ มาเลเซีย ที่จัดอยู่ในอันดับ 12 และ 27 ตามลำดับ
นโยบายนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของ สวนสามพราน และ โรสการ์เด้น ในโอกาสครบรอบ 45 ปี และกำลังจะก้าวเดินต่อไปในธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ที่ตระหนักเรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ผ่านมา เราก็ยึดแนวทางนี้มาโดยตลอด แต่ก็ต้องปรับให้ดีขึ้น เช่น เครื่องจักร เครื่องปรับอากาศ การรีไซเคิลขยะ ตลอดจนการใส่ใจลูกค้า ซึ่งกว่า 60% เป็นตลาดคนไทย และจากนโยบายนี้ คาดว่า เราจะได้ลูกค้าในกลุ่ม Blue Green Meetings เพิ่มขึ้น อย่างแน่นอน ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเป็นโครงการเครือข่ายร่วมกันขององค์กรสำคัญระดับโลกด้านการประชุม ที่ให้คำแนะนำว่าองค์กรใดจะเลือกสถานที่ประชุมในประเทศใด เพิ่มขึ้น อย่างแน่นอน