xs
xsm
sm
md
lg

“เลี้ยบ” โหมไฟแก้ รธน.พร้อมเดินแผน 2 ยึดเสาหลักระบบ ศก.ไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หมอเลี้ยบ” จี้ลิ่วล้อเร่งแก้ รธน.ก่อนกลางปีนี้ อ้างต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน และรับมือผลกระทบ ศก.สหรัฐ พร้อมเดินเกมฮุบโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยส่งเด็กในคาถานั่งคุมบอร์ด ธปท.-ก.ล.ต.หวังยึดเสาหลักของระบบเศรษฐกิจได้แบบเบ็ดเสร็จ ปูทางทุนนิยมค้อนเคียว

วันนี้ (24 มี.ค.) นายแพทย์ (นพ.) สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า ต้องรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนกลางปีนี้ เพื่อเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับคืนมาโดยเร็ว เพราะมีการคาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะส่งผลกระทบรุนแรงภายในกลางปีนี้

ขณะนี้ปัญหาการเมืองกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน ทั้งไทยและต่างประเทศ จึงไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งรีรอต่อไป เพราะหากยิ่งช้าไปก็จะยิ่งสร้างปัญหา จึงต้องเร่งดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบกับเศรษฐกิจมากไปกว่านี้ ซึ่งหากสามารถแก้ไขได้ก่อนกลางปี เชื่อว่าจะช่วยรองรับปัญหาได้

ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเปิดให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนักการเมือง นักวิชาการ และประชาชน

“ระยะเวลา 6 สัปดาหที่รัฐเข้ามาทำงาน ความเชื่อมั่นเริ่มกลับคืนมาแล้ว แต่หากมีปัญหามากระทบอีกก็กลายเป็นปัจจัยที่คนให้ความเป็นห่วง โดยเฉพาะในเรื่องการเมือง ซึ่งหวังว่าการเมืองจะไม่ขยายวงกว้างไปกระทบความเชื่อมั่น”

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า การเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้ มีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพราะประชาชนนำเงินออกมาใช้จ่ายมาก ดังนั้นรัฐบาลจึงยังจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อฟื้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะมีผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตัวเลขการนำเข้าและการส่งออกล่าสุดในเดือน ก.พ.ซึ่งมีการขาดดุลต่อเนื่องจะเห็นได้ว่ามาจากการนำเข้าสินค้าทุนมากขึ้น เป็นสัญญาณว่าการลงทุนเริ่มขยายตัวแล้ว รัฐบาลจึงไม่ต้องการให้มีเเรื่องอื่นมากระทบกับเศรษฐกิจ โดยพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นการลงทุน แต่รัฐบาลทำเองไม่ได้ทั้งหมด ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกส่วน

นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นในสายตาชาวต่างชาตินั้น ก็จะมีการเดินหน้าโรดโชว์เพื่อให้ข้อมูลนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนั้นกระทรวงการคลังจะเซ็นสัญญากู้เงินจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) ในปลายเดือน มี.ค.นี้ ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลยังคงยืนยันเดินหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าอย่างแน่นอน

***เปิดแผนเชิงลึก คอมมิวนิสต์สาวกทุนชินคอร์ป

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวอีกว่า นพ.สุรพงษ์ ได้เตรียมแผนเชิงรุก เพื่อกุมกลไกเศรษฐกิจของประเทศแบบเบ็ดเสร็จ โดยส่งคนของตนเองเข้าไปคุมการบริหารงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งถือว่าเป็นเสาหลักสำคัญในโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ

โดยล่าสุด มีรายงานข่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ส่งรายชื่อผู้มีคุณสมบัติเป็นคณะกรรมการสรรหาตัวประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ ธปท.ให้กับ นพ.สุรพงษ์ พิจารณาคัดเลือก เพื่อให้การคัดสรรตัวประธาน และกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิเสร็จภายใน 180 วัน หลัง จากที่ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ รายชื่อคณะกรรมการสรรหากฎหมายกำหนดจำนวน 7 คน โดยมาจากอดีตปลัดคลัง อดีตปลัดพาณิชย์, อดีตปลัดอุตสาหกรรม, อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ , อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และอดีตผู้อำนวยการ สศค.

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตั้งคณะกรรมการสรรหา เริ่มมีปัญหาเนื่องจากมีอดีตผู้บริหารบางคนขาดคุณสมบัติ เคยเป็นปรึกษาพรรคการเมือง ซึ่งกฎหมายห้ามไว้

สำหรับคุณสมบัติของประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จะต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี ต้องไม่มีตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะพ้นจากตำแหน่งไม่น้อยกว่า 1 ปี และต้องไม่เป็นกรรมการในสถาบันการเงิน

**โผตัวเต็ง “โกร่ง-ณรงค์ชัย-โอราฬ-ไชยวัฒน์” ชิงดำ

แหล่งข่าววงในระบุว่า ตัวเต็งเป็นประธานกรรมการ ธปท.ขณะนี้มีชื่อของ นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM) และนายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

นอกจากนี้ ยังมีชื่อ นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ อดีตผู้ว่าการ ธปท. แต่อาจขาด คุณสมบัติ เพราะปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ในวาระปัจจุบัน

แหล่งข่าว ยังเปิดเผยอีกว่า นพ.สุรพงษ์ ยังต้องเสนอชื่อประธานสำนักงาน ก.ล.ต.ให้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ ภายใน 60 วัน หลังจากที่กฎหมาย ก.ล.ต. ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสรรหา เหมือนกับประธานกรรมการ ธปท.

"สำหรับตัวเต็งสำคัญอีกราย ที่อาจมีรายชื่อแซงขึ้นมาพลิกโผช่วงโค้งสุดท้าย ได้แก่ นายทนง พิทยะ อดีตผู้บริหารธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ดิบได้ดียุคที่พรรคไทยรักไทยเก่า รุ่งเรือง”
กำลังโหลดความคิดเห็น