สงกรานต์ปีนี้ คนไทยหมดอารมณ์เที่ยวนอก นายกทีทีเอเอ เผย ยอดจองทัวร์เที่ยวนอกไม่คึกคัก เส้นทางประเทศจีน ลดกว่า 10% เทียบจากปีก่อน ระบุคนไทยยังวิตกกังวลเหตุการเมืองไม่นิ่งจริง หวั่นภาพการชุมนุมฉุดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ ขณะที่ยอดรูดบัตรเครดิตกรุงไทย ในงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ที่ผ่านมา สูงกว่าปีก่อนถึง 5 เท่า เชื่อดันยอดทั้งปีเติบโต
นายเอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว หรือ ทีทีเอเอ เปิดเผยว่า สถานการณ์คนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เดือนเมษายน ที่จะมาถึงนี้ คาดว่า จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะการเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศยอดฮิตของคนไทย คาดว่า ช่วงเวลาดังกล่าวจะมีการเดินทางลดลง กว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีรายงานจากสมาชิกที่ทำทัวร์ไปประเทศจีนแจ้งมาว่า ปีนี้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จำนวนเที่ยวบินเช่าแบบเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ที่จะเดินทางไปจีน ลดลงจากปีก่อนราว 10% ตรงนี้อาจกระทบไปถึงทัวร์จีนที่จะเข้ามาเที่ยวประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าวลดลงด้วย เพราะการทำชาร์เตอร์ไฟล์ท ต้องมีนักท่องเที่ยวจองซื้อทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ
สาเหตุน่าจะเป็นเรื่องของบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ยังไม่เข้าที่เข้าทาง โดยเฉพาะเรื่องของสถานการณ์ทางการเมือง ที่ดูเหมือนจะกลับมาคลุมเครืออีกครั้ง จากการตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง และยังปัญหาด้านความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังดูคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา
“คนไทยจะเดินทางท่องเที่ยวต้องอาศัยความสบายใจเป็นส่วนประกอบ แต่ขณะนี้มองว่า คนไทยยังมีความกังวลในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเมืองที่กลับมาคลุมเครืออีกครั้ง หากมีการชุมนุมเกิดขึ้นอีก การท่องเที่ยวก็จะชะงักทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ซึ่งช่วงสงกรานต์ ส่วนใหญ่คนไทยจะเดินทางไปเที่ยวในเส้นทางใกล้ย่านประเทศแถบเอเชีย แต่ปีนี้อาจดูเงียบเหงาบาง แต่หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเชื่อว่า การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยทั้งเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ น่าจะยังเติบโต”
อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่า ตลอดปีนี้ตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศ ยังเติบโตกว่าปีก่อนแน่นอน เพราะจากผลการจัดงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางบัตรเครดิต กรุงไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรของการจัดงานครั้งนี้ มีรายงานแจ้งมาว่า มียอดผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกรุงไทย เฉพาะในการจัดงานครั้งนี้ เป็นมูลค่าถึง 135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากปีก่อนที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกรุงไทยในงานดังกล่าวประมาณ 20 ล้านบาท โดยสินค้าที่ใช้จ่ายได้แก่ ที่พัก โรงแรม แพกเกจทัวร์ ตั๋วเครื่องบิน และสินค้าทางการท่องเที่ยวอื่นๆ
“ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงแค่ยอดการซื้อที่พักโรงแรม ยังไม่รวมเงินที่จะต้องใช้จ่ายสำหรับ ค่า อาหาร ค่าชอปปิ้ง ที่ใช้ระหว่างการท่องเที่ยว ซึ่งตรงนั้นน่าจะเป็นเงินสะพัดอีกราว 500-600 ล้านบาท แสดงว่า คนไทยมีการวางแผนการท่องเที่ยวในปีนี้ไว้แล้ว แต่อาจไม่ใช่ในช่วงเทศกาล ซึ่งสาเหตุจากค่าเงินบาทแข็งก็มีส่วน ที่ทำให้คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยประเทศที่เติบโตสูง ได้แก่ รัสเซีย ญี่ปุ่น และ จีน” นายเอนก กล่าว
นายเอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว หรือ ทีทีเอเอ เปิดเผยว่า สถานการณ์คนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เดือนเมษายน ที่จะมาถึงนี้ คาดว่า จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะการเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศยอดฮิตของคนไทย คาดว่า ช่วงเวลาดังกล่าวจะมีการเดินทางลดลง กว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีรายงานจากสมาชิกที่ทำทัวร์ไปประเทศจีนแจ้งมาว่า ปีนี้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จำนวนเที่ยวบินเช่าแบบเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ที่จะเดินทางไปจีน ลดลงจากปีก่อนราว 10% ตรงนี้อาจกระทบไปถึงทัวร์จีนที่จะเข้ามาเที่ยวประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าวลดลงด้วย เพราะการทำชาร์เตอร์ไฟล์ท ต้องมีนักท่องเที่ยวจองซื้อทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ
สาเหตุน่าจะเป็นเรื่องของบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ยังไม่เข้าที่เข้าทาง โดยเฉพาะเรื่องของสถานการณ์ทางการเมือง ที่ดูเหมือนจะกลับมาคลุมเครืออีกครั้ง จากการตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง และยังปัญหาด้านความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังดูคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา
“คนไทยจะเดินทางท่องเที่ยวต้องอาศัยความสบายใจเป็นส่วนประกอบ แต่ขณะนี้มองว่า คนไทยยังมีความกังวลในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเมืองที่กลับมาคลุมเครืออีกครั้ง หากมีการชุมนุมเกิดขึ้นอีก การท่องเที่ยวก็จะชะงักทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ซึ่งช่วงสงกรานต์ ส่วนใหญ่คนไทยจะเดินทางไปเที่ยวในเส้นทางใกล้ย่านประเทศแถบเอเชีย แต่ปีนี้อาจดูเงียบเหงาบาง แต่หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเชื่อว่า การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยทั้งเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ น่าจะยังเติบโต”
อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่า ตลอดปีนี้ตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศ ยังเติบโตกว่าปีก่อนแน่นอน เพราะจากผลการจัดงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางบัตรเครดิต กรุงไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรของการจัดงานครั้งนี้ มีรายงานแจ้งมาว่า มียอดผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกรุงไทย เฉพาะในการจัดงานครั้งนี้ เป็นมูลค่าถึง 135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากปีก่อนที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกรุงไทยในงานดังกล่าวประมาณ 20 ล้านบาท โดยสินค้าที่ใช้จ่ายได้แก่ ที่พัก โรงแรม แพกเกจทัวร์ ตั๋วเครื่องบิน และสินค้าทางการท่องเที่ยวอื่นๆ
“ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงแค่ยอดการซื้อที่พักโรงแรม ยังไม่รวมเงินที่จะต้องใช้จ่ายสำหรับ ค่า อาหาร ค่าชอปปิ้ง ที่ใช้ระหว่างการท่องเที่ยว ซึ่งตรงนั้นน่าจะเป็นเงินสะพัดอีกราว 500-600 ล้านบาท แสดงว่า คนไทยมีการวางแผนการท่องเที่ยวในปีนี้ไว้แล้ว แต่อาจไม่ใช่ในช่วงเทศกาล ซึ่งสาเหตุจากค่าเงินบาทแข็งก็มีส่วน ที่ทำให้คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยประเทศที่เติบโตสูง ได้แก่ รัสเซีย ญี่ปุ่น และ จีน” นายเอนก กล่าว