สพท.เสนอ “วีระศักดิ์” ดันโครงการมูฟวี่ทาวน์ ผลักดันให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแท้จริง ชี้หากทำสำเร็จ จะช่วยให้ธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเติบโต 30-50% ในอีก 3 ปีข้างหน้า
นางธนิฏฐา มณีโชติ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เตรียมเสนอต่อ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอให้ช่วยผลักดันโครงการมูฟวี่ทาวน์ ให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแท้จริง
โครงการดังกล่าวสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ให้การสนับสนุนมานานถึง 8 ปีแล้ว โดยมุ่งหวังให้มีการลงทุนสร้างสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ ในประเทศไทย แต่ก็ยังไม่มีต่างชาติรายใดสนใจ มีเพียง บริษัท กันตนา จำกัด เท่านั้น ที่ลงทุน ทั้งนี้ เพราะติดปัญหาที่ขาดการประชาสัมพันธ์ในโครงการดังกล่าว และการให้สิทธิพิเศษ (อินเซนทีฟ) ในด้านอื่นๆ แก่ผู้ลงทุน จึงไม่มีแรงจูงใจมากเพียงพอ ซึ่งตรงนี้หากรัฐบาลไม่เร่งตื่นตัว จะเสียโอกาสการตลาด เพราะปัจจุบันประเทศจีน และ เวียดนาม ได้เห็นช่องทางสร้างรายได้จากธุรกิจนี้ และให้อินเซนทีฟเป็นการเชิญชวนนักลงทุนแล้ว
“ที่ผ่านมา มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง จากฮอลลีวูด ต้องไปใช้โรงถ่ายที่ออสเตรเลีย ที่ไม่สามารถถ่ายทำในเมืองไทยได้ทั้งหมด ซึ่งหากรัฐโดยกระทรวงการคลัง สามารถให้อินเซนทีฟ เรื่อง คืน VAT มีสตูดิโอมาตรฐานให้เขาใช้ถ่ายทำ เชื่อว่า จะทำให้ธุรกิจนี้เติบโตอีกมาก”
นางสาววรรณสิริ โมรากุล ผู้อำนวยการ กองกิจการภาพยนตร์ กล่าวว่า ได้ทำเรื่องของบกลางปี 2551 วงเงิน 5 ล้านบาท เพื่อจะไปเจรจากับบริษัทสร้างภาพยนตร์จากฮอลลีวูดที่สนใจลงทุน ธุรกิจสตูดิโอ หรือ โพสต์โปรดักชั่น ให้เข้ามาลงทุน ได้แก่ บริษัท ฟ็อกซ์ วอร์นเนอร์ พาราเมาท์พิกเจอร์ และ โคลัมเบีย เป็นต้น รูปแบบการลงทุน อาจช่วยประสานงานเรื่องการเช่าที่ราชพัสดุ เพื่อสร้างสตูดิโอ หรือเป็นแบบอื่นๆ ก็ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องมีนโยบายจากรัฐบาลเรื่องการสนับสนุน และ อินเซนทีฟ ที่ชัดเจน จึงไปเจรจาได้ จึงต้องการให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯช่วยผลักดันในเรื่องนี้ หากทำสำเร็จ จะช่วยให้ธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเติบโต 30-50% ในอีก 3 ปีข้างหน้า สำหรับ 2 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้จากธุรกิจนี้ 596 ล้านบาท จากภาพยนตร์ที่เข้ามาถ่ายทำรวม 105 เรื่อง เติบโตจากช่วยเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย
นางธนิฏฐา มณีโชติ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เตรียมเสนอต่อ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอให้ช่วยผลักดันโครงการมูฟวี่ทาวน์ ให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแท้จริง
โครงการดังกล่าวสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ให้การสนับสนุนมานานถึง 8 ปีแล้ว โดยมุ่งหวังให้มีการลงทุนสร้างสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ ในประเทศไทย แต่ก็ยังไม่มีต่างชาติรายใดสนใจ มีเพียง บริษัท กันตนา จำกัด เท่านั้น ที่ลงทุน ทั้งนี้ เพราะติดปัญหาที่ขาดการประชาสัมพันธ์ในโครงการดังกล่าว และการให้สิทธิพิเศษ (อินเซนทีฟ) ในด้านอื่นๆ แก่ผู้ลงทุน จึงไม่มีแรงจูงใจมากเพียงพอ ซึ่งตรงนี้หากรัฐบาลไม่เร่งตื่นตัว จะเสียโอกาสการตลาด เพราะปัจจุบันประเทศจีน และ เวียดนาม ได้เห็นช่องทางสร้างรายได้จากธุรกิจนี้ และให้อินเซนทีฟเป็นการเชิญชวนนักลงทุนแล้ว
“ที่ผ่านมา มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง จากฮอลลีวูด ต้องไปใช้โรงถ่ายที่ออสเตรเลีย ที่ไม่สามารถถ่ายทำในเมืองไทยได้ทั้งหมด ซึ่งหากรัฐโดยกระทรวงการคลัง สามารถให้อินเซนทีฟ เรื่อง คืน VAT มีสตูดิโอมาตรฐานให้เขาใช้ถ่ายทำ เชื่อว่า จะทำให้ธุรกิจนี้เติบโตอีกมาก”
นางสาววรรณสิริ โมรากุล ผู้อำนวยการ กองกิจการภาพยนตร์ กล่าวว่า ได้ทำเรื่องของบกลางปี 2551 วงเงิน 5 ล้านบาท เพื่อจะไปเจรจากับบริษัทสร้างภาพยนตร์จากฮอลลีวูดที่สนใจลงทุน ธุรกิจสตูดิโอ หรือ โพสต์โปรดักชั่น ให้เข้ามาลงทุน ได้แก่ บริษัท ฟ็อกซ์ วอร์นเนอร์ พาราเมาท์พิกเจอร์ และ โคลัมเบีย เป็นต้น รูปแบบการลงทุน อาจช่วยประสานงานเรื่องการเช่าที่ราชพัสดุ เพื่อสร้างสตูดิโอ หรือเป็นแบบอื่นๆ ก็ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องมีนโยบายจากรัฐบาลเรื่องการสนับสนุน และ อินเซนทีฟ ที่ชัดเจน จึงไปเจรจาได้ จึงต้องการให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯช่วยผลักดันในเรื่องนี้ หากทำสำเร็จ จะช่วยให้ธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเติบโต 30-50% ในอีก 3 ปีข้างหน้า สำหรับ 2 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้จากธุรกิจนี้ 596 ล้านบาท จากภาพยนตร์ที่เข้ามาถ่ายทำรวม 105 เรื่อง เติบโตจากช่วยเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย
