ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขวด ยืนยัน ขอปรับขึ้นราคาอีกรอบเป็น 52 บ./ขวดลิตร โอดต้นทุนสูง เผยรายเล็กเตรียมแห่ปิดกิจการหนีตาย หวั่นสินค้าขาดตลาด-ซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ เตรียมบุกพบ “มิ่งขวัญ” ก่อนวันนัดหารือร่วม 6 มี.ค.นี้
วันนี้ (28 ก.พ.) แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มเตรียมทำหนังสือถึง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มชนิดขวดลิตรเพิ่มขึ้นเป็น 52 บาท จากปัจจุบัน 47.50 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้นอีก 4.50 บาท
ทั้งนี้ ทางสมาคมระบุว่า หาก นายมิ่งขวัญ ไม่ยอมให้เข้าพบ ก็จะยืนยันการขอปรับขึ้นราคาในการประชุมระหว่างกระทรวงพาณิชย์และผู้ประกอบการ 250 ราย ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ และหากทางกระทรวงพาณิชย์ไม่อนุญาต คงต้องหาน้ำมันปาล์มดิบราคาต่ำกว่าตลาดมาให้ผู้ประกอบการผลิตแทน
สาเหตุที่ต้องขอปรับราคาขึ้นอีกรอบ ทางสมาคมอ้างว่าขณะนี้ผู้ประกอบการยังขาดทุนอยู่มาก แม้กรมการค้าภายในเพิ่งอนุมัติให้ขึ้นได้ขวดละ 47.50 บาท ซึ่งต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาท แต่ปัจจุบันขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 38 บาทแล้ว เมื่อนำมากลั่นยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มจะอยู่ที่ 43 บาท รวมกับค่าบรรจุขวดอีก 5 บาท ทำให้ต้นทุนสูงถึง 48 บาทแล้ว หากรวมค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ อีกก็สูงกว่า 50 บาทแล้ว
เมื่อปลายเดือน ม.ค.2551 กลุ่มน้ำมันปาล์มบรรจุขวดได้ยื่นหนังสือถึงกรมการค้าภายในขอปรับขึ้นราคาขายน้ำมันปาล์มขวดเป็นขวดละ 52 บาท แต่หลังจากที่ รมว.พาณิชย์ มีนโยบายตรึงราคาสินค้า ทำให้น้ำมันปาล์มยังไม่ได้รับอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาตามต้นทุนที่เป็นจริง ส่งผลให้ขณะนี้ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดรายเล็ก ลดกำลังการผลิตมากกว่า 50% ส่วนรายใหญ่ลดกำลังการผลิตลง 30% ทำให้น้ำมันปาล์มจากปกติที่จะป้อนเข้าสู่ตลาดประมาณเดือนละ 10 ล้านขวด เหลือเพียง 6-7 ล้านขวดเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ น้ำมันปาล์มบรรจุขวด กรมการค้าภายในอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาขายแล้ว 2 ครั้งในเดือน ธ.ค.2550 โดยครั้งแรกขึ้นราคาได้ขวดละ 5.50 บาท จากขวดละ 38 บาท เป็น 43.50 บาท ครั้งที่ 2 ปรับขึ้น 4 บาท เป็นขวดละ 47.50 และครั้งนี้เป็นรอบที่ 3 หากได้รับการอนุมัติจะทำให้ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดขึ้นเป็นขวดละ 52 บาท เมื่อรวม 3 ครั้ง น้ำมันปาล์มจะปรับขึ้นถึงขวดละ 14 บาท โดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 เดือนกว่าเท่านั้น
