ททท.ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ ลุยเคาะประตูบริษัทขนาดใหญ่ แดนภารตะและอิเหนา ดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มอินเซนทีฟ เข้าไทย ประเดิมกรุ๊ปแรกเกือบ 3 พันคน สนองนโยบาย องค์กร และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่ต้องการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวคุณภาพ
นายประกิตต์ พิริยะเกียรติ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และ แปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้เริ่มกระบวนการทำตลาดเชิงรุกเพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดบนให้เดินทางสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งผลจากการเชิญผู้บริหารบริษัท RMP Infortec จากประเทศอินเดีย ให้เดินทางมาทัศนศึกษาแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยวในประเทศไทย ล่าสุด บริษัทดังกล่าวได้จัดกรุ๊ปท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล หรือ อินเซนทีฟ โดยนำคณะผู้บริหารและพนักงานของบริษัทที่ได้รับผลงานขายยอดเยี่ยมประจำปี รวมกว่า 2,500 คน เข้ามาร่วมงานประชุมใหญ่ พร้อมเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 24-29 ก.พ.2551 ที่ พัทยา
“กรุ๊ปนี้เป็นอินเซนทีฟกลุ่มใหญ่ที่สุดที่เดินทางมาจากประเทศอินเดีย โดย ททท.ได้จัดทีมให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ททท.ยังได้พากลุ่มผู้บริหารเดินทางท่องเที่ยวไปยังแหล่งต่างๆ ของประเทศไทย เช่น เชียงใหม่ และ ภูเก็ต เพื่อให้เขาได้เห็นความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวของไทย และ คาดหวังว่า เขาจะพิจารณาเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดกิจกรรมอินเซนทีฟลักษณะเดียวกันนี้ให้กับสมาชิกกว่า 5,000 คน ครั้งต่อไปในกลางปี 2551 นี้ด้วย”
คณะอินเซนทีฟกรุ๊ปนี้ ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ โดยให้สมาชิกทั้ง 2,500 คน วาดภาพลงบนผืนผ้าที่มีความยาวกว่า 2500 เมตร โดยจะเป็นภาพวาดที่มีความยาวมากที่สุดในโลก โดยสถิติโลกที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ ณ เมืองพัทยาครั้งนี้จะถูกบันทึกลงในหนังสือ Guinness Book of World Record ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวไทยสู่การรับรู้ของนักท่องเที่ยวในระดับนานาชาติด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัท RMP Infortec ดำเนินธุรกิจขายตรงสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกมากกว่า 400,000 คนทั่วประเทศอินเดีย โดยในแต่ละปีบริษัทจะจัดประชุมพร้อมให้รางวัลแก่สมาชิกที่มีผลงานขายสินค้าสูงที่สุดเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ โดย ททท.มองอินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีกำลังซื้อสูง เพราะเศรษฐกิจเขาอยู่ระหว่างการเติบโต ซึ่ง ททท.จะเร่งกระตุ้นเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้ให้ได้มากที่สุด เน้นกลุ่มระดับไฮเอนด์และผู้ที่ใช้เงินเพื่อการท่องเที่ยวจำนวนมาก ได้แก่ กลุ่มแต่งงาน ฮันนีมูน กลุ่มครอบครัวนักธุรกิจ และ ไมซ์ โดยในปี 2550 นักท่องเที่ยวจากอินเดียเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ประมาณ 500,000 คน เติบโตจากปีก่อนหน้า 17% และปีนี้ คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้เดินทางมากไทยไม่น้อยกว่า 600,000 คน หรือเติบโตกว่า 20% สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 16,400 ล้านบาท
ดึงอินเซนทีฟอิเหนามาเที่ยวไทย
นายประกิตต์ กล่าวอีกว่า ททท.ยังได้ต้อนรับคณะผู้บริหารและพนักงานจากบริษัท Mayora ประเทศอินโดนีเซีย กว่า 350 คน ในการเดินทางมาร่วมกิจกรรมประชุมใหญ่ประจำปี พร้อมทั้งท่องเที่ยวในประเทศไทยในระหว่างวันที่ 22-26 ก.พ.2551 ที่ กรุงเทพฯ และ พัทยา ทั้งนี้ Mayora เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารชั้นนำจากประเทศอินโดนีเซีย ที่มีแผนการจัดกิจกรรมทัศนศึกษาทั้งในและนอกประเทศเป็นรางวัลให้แก่พนักงานที่มีผลงานยอดเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอ การเลือกเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ เพราะชื่นชอบในความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวและวัฒนธรรม สิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยว ที่รองรับตลาดไมซ์ รวมทั้งความคุ้มค่าในการจับจ่ายใช้สอย
ทั้งนี้ 11 เดือนแรกของปี 2550 ไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซียรวม 207,197 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ใน 5.57% และ ปี 2551 คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอีกราว 10% โดยแหล่งท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และมีแนวโน้มที่จะเดินทางไป ชะอำ หัวหิน และ เกาะสมุย เพิ่มขึ้น ส่วนกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวตลาดนี้ชื่นชอบ ได้แก่ การแสดงทางวัฒนธรรม การเข้าชม Theme Park และการชอปปิ้ง
นายประกิตต์ พิริยะเกียรติ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และ แปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้เริ่มกระบวนการทำตลาดเชิงรุกเพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดบนให้เดินทางสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งผลจากการเชิญผู้บริหารบริษัท RMP Infortec จากประเทศอินเดีย ให้เดินทางมาทัศนศึกษาแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยวในประเทศไทย ล่าสุด บริษัทดังกล่าวได้จัดกรุ๊ปท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล หรือ อินเซนทีฟ โดยนำคณะผู้บริหารและพนักงานของบริษัทที่ได้รับผลงานขายยอดเยี่ยมประจำปี รวมกว่า 2,500 คน เข้ามาร่วมงานประชุมใหญ่ พร้อมเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 24-29 ก.พ.2551 ที่ พัทยา
“กรุ๊ปนี้เป็นอินเซนทีฟกลุ่มใหญ่ที่สุดที่เดินทางมาจากประเทศอินเดีย โดย ททท.ได้จัดทีมให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ททท.ยังได้พากลุ่มผู้บริหารเดินทางท่องเที่ยวไปยังแหล่งต่างๆ ของประเทศไทย เช่น เชียงใหม่ และ ภูเก็ต เพื่อให้เขาได้เห็นความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวของไทย และ คาดหวังว่า เขาจะพิจารณาเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดกิจกรรมอินเซนทีฟลักษณะเดียวกันนี้ให้กับสมาชิกกว่า 5,000 คน ครั้งต่อไปในกลางปี 2551 นี้ด้วย”
คณะอินเซนทีฟกรุ๊ปนี้ ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ โดยให้สมาชิกทั้ง 2,500 คน วาดภาพลงบนผืนผ้าที่มีความยาวกว่า 2500 เมตร โดยจะเป็นภาพวาดที่มีความยาวมากที่สุดในโลก โดยสถิติโลกที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ ณ เมืองพัทยาครั้งนี้จะถูกบันทึกลงในหนังสือ Guinness Book of World Record ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวไทยสู่การรับรู้ของนักท่องเที่ยวในระดับนานาชาติด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัท RMP Infortec ดำเนินธุรกิจขายตรงสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกมากกว่า 400,000 คนทั่วประเทศอินเดีย โดยในแต่ละปีบริษัทจะจัดประชุมพร้อมให้รางวัลแก่สมาชิกที่มีผลงานขายสินค้าสูงที่สุดเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ โดย ททท.มองอินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีกำลังซื้อสูง เพราะเศรษฐกิจเขาอยู่ระหว่างการเติบโต ซึ่ง ททท.จะเร่งกระตุ้นเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้ให้ได้มากที่สุด เน้นกลุ่มระดับไฮเอนด์และผู้ที่ใช้เงินเพื่อการท่องเที่ยวจำนวนมาก ได้แก่ กลุ่มแต่งงาน ฮันนีมูน กลุ่มครอบครัวนักธุรกิจ และ ไมซ์ โดยในปี 2550 นักท่องเที่ยวจากอินเดียเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ประมาณ 500,000 คน เติบโตจากปีก่อนหน้า 17% และปีนี้ คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้เดินทางมากไทยไม่น้อยกว่า 600,000 คน หรือเติบโตกว่า 20% สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 16,400 ล้านบาท
ดึงอินเซนทีฟอิเหนามาเที่ยวไทย
นายประกิตต์ กล่าวอีกว่า ททท.ยังได้ต้อนรับคณะผู้บริหารและพนักงานจากบริษัท Mayora ประเทศอินโดนีเซีย กว่า 350 คน ในการเดินทางมาร่วมกิจกรรมประชุมใหญ่ประจำปี พร้อมทั้งท่องเที่ยวในประเทศไทยในระหว่างวันที่ 22-26 ก.พ.2551 ที่ กรุงเทพฯ และ พัทยา ทั้งนี้ Mayora เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารชั้นนำจากประเทศอินโดนีเซีย ที่มีแผนการจัดกิจกรรมทัศนศึกษาทั้งในและนอกประเทศเป็นรางวัลให้แก่พนักงานที่มีผลงานยอดเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอ การเลือกเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ เพราะชื่นชอบในความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวและวัฒนธรรม สิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยว ที่รองรับตลาดไมซ์ รวมทั้งความคุ้มค่าในการจับจ่ายใช้สอย
ทั้งนี้ 11 เดือนแรกของปี 2550 ไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซียรวม 207,197 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ใน 5.57% และ ปี 2551 คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอีกราว 10% โดยแหล่งท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และมีแนวโน้มที่จะเดินทางไป ชะอำ หัวหิน และ เกาะสมุย เพิ่มขึ้น ส่วนกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวตลาดนี้ชื่นชอบ ได้แก่ การแสดงทางวัฒนธรรม การเข้าชม Theme Park และการชอปปิ้ง
