xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้องหัวหน้าแก๊งแชร์ข้าวสาร-เหยื่อยังแห่โผล่ให้กำลังใจ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

อัยการสั่งฟ้อง “อดีตหัวหน้าพรรคไทยร่ำรวย – บจก.อีซี่ เน็ตเวิร์ค” 3 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน-ผิด พ.ร.ก.กู้ยืม-พ.ร.บ.ขายตรง หลอกประชาชนซื้อหุ้นโดยจ่ายผลประโยชน์สูงกว่าที่กฎหมายกำหนด ศาลนัดสอบคำให้การ 22 ก.พ.นี้ ขณะที่ทนายยื่นบัญชีเงินฝาก 3 ล้านแต่วืดประกันตัว

วันนี้ (20 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 16.00 น.พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท อีซี่ เน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และ นายปฐม อัญสกุล อายุ 28 ปี ประธานกรรมการผู้จัดการบริษัท อดีตหัวหน้าพรรคไทยร่ำรวย เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่ฉ้อโกงประชาชน และไม่ดำเนินกิจการให้เป็นไปตามแผนการจ่ายผลตอบแทนที่ยื่นจดต่อนายทะเบียนอันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน พ.ศ.2527 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาด แบบขายตรง พ.ศ.2545 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

ตามฟ้องโจทก์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 1 ส.ค.2549-28 พ.ย.2550 จำเลยทั้งสองกับพวกอีกหลายคนซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันโดย บจก.อีซี่ฯ ได้จดทะเบียนประกอบธุรกิจขายตรงต่อเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในฐานะนายทะเบียน เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2548 โดยจำเลยที่ 1 ยื่นความประสงค์ขอจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องสำอางทั่วไป และได้ยื่นแผนการจ่ายค่าตอบแทนให้นายทะเบียน โดยระบุว่า การจ่ายผลตอบแทน จะเป็นในลักษณะรายได้หลักของผู้จำหน่ายอิสระ หรือตัวแทนขายตรงที่ไม่ใช่ลูกจ้าง ขึ้นอยู่กับการขายสินค้าแก่ผู้บริโภค ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันไม่ดำเนินการตามแผนการจ่ายค่าตอบแทนที่ยื่นแสดงดังกล่าว แต่ให้ประชาชนซื้อสินค้าเป็นหุ้นแล้วฝากขายสินค้านั้นไว้กับจำเลยที่ 1 โดยจะได้รับผลตอบแทนตามจำนวนหุ้นและระยะเวลาที่ฝากขาย โดยไม่มีการจำกัด จำนวนหุ้นที่จะซื้อและยังกำหนดให้ผู้ซื้อหุ้นยังได้รับผลตอบแทนที่เป็นรายได้จากการแนะนำบุคคลอื่นเข้าร่วมเป็นเครือข่าย

นอกจากนี้ จำเลยทั้งสองกับพวกยังได้กระทำการทุจริตสมคบกันหลอกลวงประชาชนโดยโฆษณาหรือประกาศต่อประชาชนทั่วไปหรือแก่บุคคลตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปว่า จำเลยที่ 1 ประกอบธุรกิจรับบุคคลทั่วไปเข้าเป็นสมาชิกร่วมลงทุนซื้อสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ เช่นข้าวสาร บะหมี่สำเร็จรูป เครื่องดื่มชูกำลัง โดยมีการชักชวนและจูงใจประชาชนจำนวนหลายหมื่นคนเข้าร่วมรับฟังการอบรมในหลายจังหวัดตามภูมิภาคต่างๆ โดยจำเลยที่ 1 ได้กำหนดวิธีการเข้าร่วมเป็นสมาชิกว่าสมาชิกจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นหุ้นๆ ละ 2,000 บาทในระยะเวลา 6 เดือน หากผู้ซื้อไม่รับสินค้าไปแต่ฝากขายไว้กับบริษัทจำเลยที่ 1 ก็จะได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้นอีก เช่น การร่วมลงทุนซื้อหุ้นข้าวสารจำนวน 1 หุ้น ราคาหุ้นละ 1,450 บาทต่อข้าวสารจำนวน 1 กระสอบ (น้ำหนัก 50 กิโลกรัม) หากไม่รับข้าวสารไปแต่ฝากขายกับบริษัทในเวลา 15 วันจะได้รับค่าฝากขายสินค้าคืน 725 บาทโดยอีก 3-4 เดือนจะได้รับเงินปันผลอีก 500 บาทและหลังจากนั้นอีก 3-4 เดือนยังจะได้รับเงินปันผลอีก 1,500 บาท

โดยเงื่อนไขการลงทุนของจำเลยที่ 1 ตามที่ได้โฆษณาประกาศต่อประชาชนดังกล่าวไม่ตรงกับแผนรายการส่งเสริมการขายและแผนการจ่ายค่าตอบแทนที่แจ้งไว้ต่อนายทะเบียน และการลงทุนตามเงื่อนไขของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว ผู้ลงทุนจะได้รับเงินคืนอัตราเฉลี่ยร้อยละ 137.93 ต่อ 6 เดือน หรือ 275.86 ต่อปีของเงินที่นำมาลงทุน ซึ่งถือว่าสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินกู้ให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกดังกล่าวจึงเป็นการรับเงิน ลักษณะของการรับฝาก การกู้ การยืม การรับเข้าเป็นสมาชิก ร่วมลงทุน หรือเข้าร่วมกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยจำเลยทั้งสองกับพวกจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน หรือตกลงว่าจะจ่ายให้แก่ผู้ยืมเงิน อันเป็นการกู้ยืมเงินตาม พรก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 ซึ่งจำเลยทั้งสองกับพวกได้หลอกลวงประชาชนจำนวนหลายหมื่นคนซึ่งมีผู้เสียหายในคดีจำนวน 449 คนรวมอยู่ด้วยโดยมูลค่าเงินกู้ยืมจำนวนมากกว่า 100 ล้านบาท อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ขอให้ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสอง ทั้งนี้ ศาลประทับรับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำพิพากษา โดยนัดสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.

ด้าน นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เจ้าของสำนวนกล่าวว่า อัยการได้สั่งฟ้องจำเลยทั้งสองไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามความผิดธุรการขายตรง แบบแชร์ลูกโซ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสั่งฟ้องอัยการได้ดำเนินการภายในกำหนดฝากขังผลัดสุดท้ายที่วันนี้ครบกำหนด 84 วัน ซึ่งขณะยื่นฟ้อง นายปฐม ยังคงถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยอัยการไม่ได้ขอเบิกตัวจากเรือนจำ ซึ่งวันนี้มีสมาชิกกลุ่มแชร์อีซี่ฯ เกือบ 100 คน เดินทางมารอลุ้นการยื่นฟ้องด้วยที่ศาลอาญา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน จำนวนหนึ่งมาเฝ้ารักษาความสงบเรียบร้อยภายในบริเวณศาล

ขณะที่ นายปรีชา ประเสริฐศักดิ์ ทนายความ ได้ยื่นคำร้องขอประกันโดยใช้หลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน สาขาศาลยุติธรรม จำนวน 3 ล้านบาท ของ น.ส.นพพร อัญสกุล น้องสาวนายปฐม ภายหลังเมื่อเวลา 18.20 น.นายปรีชา เปิดเผยว่า ในเรื่องประกันตัวเบื้องต้นศาลแจ้งว่ายังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงซึ่งจำเลยยังต้องถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะต้องรอให้ศาลเบิกตัวจำเลยมาสอบคำให้การในวันศุกร์ที่ 22 ก.พ.โดยตนจะได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวใหม่ซึ่งจะใช้หลักทรัพย์เดิม

อย่างไรก็ดี สำหรับ นายปฐม ก่อนหน้านี้ เคยถูกพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 ยื่นฟ้อง เป็นจำเลย เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2543 ในความผิดฐานบุกรุกและกระทำอนาจาร โดยคำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2542 เวลากลางคืน จำเลยได้บังอาจบุกรุกที่พักอาศัยของ น.ส.กรกต วงศ์ศิริ โดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้กำลังประทุษร้าย เหตุเกิดที่ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม. ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365, 364, 295, 278, 90

โดยศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเป็นคดีแดงเลขที่ ด.7952/2543 เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2543 ว่าจำเลยมีความผิดจริงตามฟ้อง ซึ่งเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจาร ซึ่งเป็นบทหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี ปรับ 4,000 บาท แต่จำเลยรับสารภาพเห็นควรลดโทษกึ่งหนึ่ง ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 6 เดือน และ ปรับ 2,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี โดยสั่งคุมประพฤติให้จำเลยรายงานตัวทุก 3 เดือน


กำลังโหลดความคิดเห็น