บอสใหญ่ไลอ้อนจากญี่ปุ่น ชูไทยฐานการผลิต ปักธงแตกธุรกิจยา-ฟังก์ชันนัล ฟูดส์เสริม เร่งขยายการส่งออก 3 ปี โกย 3,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ไลอ้อนไทยสิ้นปีกวาด 8,888 ล้านบาท
นายซาดาโยชิ ฟูจิชิเกะ ประธาน บริษัท ไลอ้อน ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ประเทศไทยยังเป็น 1 ใน 3 ประเทศ ประกอบด้วย จีน และ อินโดนีเซีย ที่บริษัทให้ความสำคัญด้านการลงทุนเป็นฐานการผลิต โดยการลงทุนในไทยบริษัทยึด 3 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.การลงทุนธุรกิจใหม่ภายใต้พันธกิจของบริษัทที่วางไว้จากนี้ คือ เพื่อชีวิตใหม่ เพื่อความสะดวก และสุขอนามัยของผู้บริโภค ด้วยการรุกธุรกิจยาที่ไม่ต้องซื้อจากใบสั่งแพทย์ และฟังก์ชันนัล ฟูดส์ ซึ่งอยู่ในแผนลงทุน 5 ปีนี้
ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดยาและฟังก์ชันนัล ฟูดส์ ซึ่งการทำตลาดบริษัทจะใช้ภายใต้อัมเบรลล่าแบรนด์ “เคนบิ โซเคน” (Kenbi Soken) โดยมีสินค้าด้วยกัน 4 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องดื่มช่วยไหลเวียนของโลหิต Gussu min, เครื่องดื่มเกลือแร่ Gromont, เครื่องดื่มช่วยพัฒนาความจำ Gronsun Study และเครื่องดื่มเพื่อความงาม Kyu Parun โดยสินค้าทั้งหมดจะผลิตขึ้นที่ประเทศไทยภายใต้บริษัทสหชลผลพืช บริษัทในเครือของสหพัฒน์ และกำลังพิจารณาลงทุนโรงงานใหม่เพิ่มเติม ทั้งนี้ ธุรกิจยาและฟังก์ชันนัล ฟูดส์ ในปี 2549 คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 14.5% หรือ 500 ล้านดอลลาร์ และปัจจุบันเป็นอันดับสองและสามของตลาด รองจากไทโช และ ทาเคดะ
ส่วนแนวทางที่ 2 คือ การลงทุนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนและของใช้ส่วนบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มผงซักฟอกและออรัลแคร์ และ 3.คือ การขยายผลิตเพื่อการส่งออกของไลอ้อน ประเทศไทยให้มากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกมาอินโดจีน ในประเทศพม่าและเขมร
ขยายส่งออก 3 ปีเพิ่มเป็น 3 พันล.
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า เป้าหมายการส่งออกปีนี้เพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมา 700 ล้านบาท และตั้งเป้าอีก 3 ปี สัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเพิ่มจาก 10% เป็น 30% จากรายได้ 10,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการส่งออกในประเทศมาเลเซียในกลุ่มผงซักฟอก และในอนาคตเตรียมส่งออกแชมพูไปยังประเทศญี่ปุ่น จากปัจจุบันส่งออกน้ำยาล้างจานและออรัลแคร์ ซึ่งปีนี้จะมีการลงทุนเพิ่มเติม 200 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและปรับปรุงเครื่องจักร
สำหรับฟังก์ชันนัล ฟูดส์ บริษัทจะเปิดตัวสินค้าในไตรมาส 3 ของปีนี้ ส่วนธุรกิจยาก่อนนี้มีบริษัทในเครือทำตลาดดังกล่าวมาร่วม 30 ปี แต่สำหรับสหกรุ๊ปเองได้นำร่องทำตลาดมาแล้วกว่า 1 ปี และเร็วๆ นี้ จะนำยาฉีดสำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเข้ามาทำตลาดในไทย ล่าสุด ทุ่มงบ 200 ล้านบาท เปิดหออบผงซักฟอก มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 70,000 ตันต่อปี เป็น 150,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 120% สำหรับรายได้รวมปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มจาก 7,700 ล้านบาท เป็น 8,888 ล้านบาท
นายซาดาโยชิ ฟูจิชิเกะ ประธาน บริษัท ไลอ้อน ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ประเทศไทยยังเป็น 1 ใน 3 ประเทศ ประกอบด้วย จีน และ อินโดนีเซีย ที่บริษัทให้ความสำคัญด้านการลงทุนเป็นฐานการผลิต โดยการลงทุนในไทยบริษัทยึด 3 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.การลงทุนธุรกิจใหม่ภายใต้พันธกิจของบริษัทที่วางไว้จากนี้ คือ เพื่อชีวิตใหม่ เพื่อความสะดวก และสุขอนามัยของผู้บริโภค ด้วยการรุกธุรกิจยาที่ไม่ต้องซื้อจากใบสั่งแพทย์ และฟังก์ชันนัล ฟูดส์ ซึ่งอยู่ในแผนลงทุน 5 ปีนี้
ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดยาและฟังก์ชันนัล ฟูดส์ ซึ่งการทำตลาดบริษัทจะใช้ภายใต้อัมเบรลล่าแบรนด์ “เคนบิ โซเคน” (Kenbi Soken) โดยมีสินค้าด้วยกัน 4 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องดื่มช่วยไหลเวียนของโลหิต Gussu min, เครื่องดื่มเกลือแร่ Gromont, เครื่องดื่มช่วยพัฒนาความจำ Gronsun Study และเครื่องดื่มเพื่อความงาม Kyu Parun โดยสินค้าทั้งหมดจะผลิตขึ้นที่ประเทศไทยภายใต้บริษัทสหชลผลพืช บริษัทในเครือของสหพัฒน์ และกำลังพิจารณาลงทุนโรงงานใหม่เพิ่มเติม ทั้งนี้ ธุรกิจยาและฟังก์ชันนัล ฟูดส์ ในปี 2549 คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 14.5% หรือ 500 ล้านดอลลาร์ และปัจจุบันเป็นอันดับสองและสามของตลาด รองจากไทโช และ ทาเคดะ
ส่วนแนวทางที่ 2 คือ การลงทุนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนและของใช้ส่วนบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มผงซักฟอกและออรัลแคร์ และ 3.คือ การขยายผลิตเพื่อการส่งออกของไลอ้อน ประเทศไทยให้มากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกมาอินโดจีน ในประเทศพม่าและเขมร
ขยายส่งออก 3 ปีเพิ่มเป็น 3 พันล.
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า เป้าหมายการส่งออกปีนี้เพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมา 700 ล้านบาท และตั้งเป้าอีก 3 ปี สัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเพิ่มจาก 10% เป็น 30% จากรายได้ 10,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการส่งออกในประเทศมาเลเซียในกลุ่มผงซักฟอก และในอนาคตเตรียมส่งออกแชมพูไปยังประเทศญี่ปุ่น จากปัจจุบันส่งออกน้ำยาล้างจานและออรัลแคร์ ซึ่งปีนี้จะมีการลงทุนเพิ่มเติม 200 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและปรับปรุงเครื่องจักร
สำหรับฟังก์ชันนัล ฟูดส์ บริษัทจะเปิดตัวสินค้าในไตรมาส 3 ของปีนี้ ส่วนธุรกิจยาก่อนนี้มีบริษัทในเครือทำตลาดดังกล่าวมาร่วม 30 ปี แต่สำหรับสหกรุ๊ปเองได้นำร่องทำตลาดมาแล้วกว่า 1 ปี และเร็วๆ นี้ จะนำยาฉีดสำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเข้ามาทำตลาดในไทย ล่าสุด ทุ่มงบ 200 ล้านบาท เปิดหออบผงซักฟอก มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 70,000 ตันต่อปี เป็น 150,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 120% สำหรับรายได้รวมปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มจาก 7,700 ล้านบาท เป็น 8,888 ล้านบาท