ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ม.หอการค้า ชี้อัตราดอกเบี้ยของไทยยังปรับลดดอกเบี้ยได้อีก 0.25-0.50% แนะแบงก์ชาติปรับลดดอกเบี้ย ป้องกันการเก็งกำไรส่วนต่างดอกเบี้ยใน และต่างประเทศ พร้อมกับยกเลิกกันสำรอง 30% เพราะทำลายภาพลักษณ์ปิดกั้นการลงทุน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์ทางเศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยของไทยในครึ่งปีแรก มีโอกาสปรับลดลงได้ในกรอบ 0.25-0.50% นำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อป้องกันการเก็งกำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย และรักษาเสถียรภาพเงินบาทให้อยู่ในกรอบ 32.5-33.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยถือว่ามีความจำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2-3 ของปีนี้
ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังอัตราดอกเบี้ยมีทิศทางปรับสูงขึ้นได้ในกรอบ 0.25% เพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในกรอบ 3.5-4.0% ของปีนี้ นอกจากนี้ เห็นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรยกเลิกมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวทำลายภาพลักษณ์ของประเทศในการกีดกันเงินลงทุนจากต่างชาติ แต่ควรหามาตรการเสริมให้มีเม็ดเงินออกไปลงทุนต่างประเทศให้มากขึ้นเพื่อดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับ 32.0-32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์ทางเศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยของไทยในครึ่งปีแรก มีโอกาสปรับลดลงได้ในกรอบ 0.25-0.50% นำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อป้องกันการเก็งกำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย และรักษาเสถียรภาพเงินบาทให้อยู่ในกรอบ 32.5-33.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยถือว่ามีความจำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2-3 ของปีนี้
ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังอัตราดอกเบี้ยมีทิศทางปรับสูงขึ้นได้ในกรอบ 0.25% เพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในกรอบ 3.5-4.0% ของปีนี้ นอกจากนี้ เห็นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรยกเลิกมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวทำลายภาพลักษณ์ของประเทศในการกีดกันเงินลงทุนจากต่างชาติ แต่ควรหามาตรการเสริมให้มีเม็ดเงินออกไปลงทุนต่างประเทศให้มากขึ้นเพื่อดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับ 32.0-32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ