แมทเทล ปรับโครงสร้างระบบจัดจำหน่ายใหม่ เผยตัดดีทแฮล์มในไทย แต่งตั้งนิชิเวิร์ลเป็นดิสทริบิวเตอร์รายใหม่ตลาดในไทย หวังชูความเป็นสเปเชียลลิสต์ในตลาดเฉพาะ ด้าน นิชิเวิร์ล ยิ้มรับคาดเติบโต 40% ดันตุ๊กตาบาร์บี้ รถฮอทวีล ตัวชูโรง
นายอลัน คอง ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท แมทเทล จำกัด ผู้ผลิตของเล่นเด็กรายใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัท แมทเทล ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายในการตั้งตัวแทนจำหน่าย หรือดิสทริบิวเตอร์ ในการทำตลาดและจัดจำหน่ายของเล่นเด็กของกลุ่มแมทเทลใหม่ จึงมีผลทำให้ในตลาดประเทศไทยนี้ แมทเทลได้แต่งตั้งให้บริษัท นิชิเวิร์ล จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหม่แทนรายเก่า โดยมีผลตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้ว
ทั้งนี้ ดิสทริบิวเตอร์รายเก่าของแมทเทลในไทย คือ บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายในไทยให้กับผลิตภัณฑ์ของแมทเทลมานานกว่า 11 ปี มีอันต้องยุติไปโดยปริยาย แม้ว่าที่ผ่านมาจะสามารถทำยอดขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ดีก็ตาม นายอลัน ให้เหตุผลว่า เนื่องจากว่าแมทเทลต้องการได้บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดของเล่นโดยเฉพาะ (Specialize) และเป็นบริษัทที่ไม่ต้องใหญ่โตมากก็ได้ โดยเป็นบริษัทท้องถิ่น ซึ่งน่าจะมีความเหมาะสมและทำตลาดได้เต็มที่มากกว่า เช่นเดียวกับในหลายประเทศที่ได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้วเช่นกัน โดยแต่งตั้งให้บริษัทท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดของเล่น โดยเฉพาะเป็นผู้จัดจำหน่าย โดยคาดว่า ตลาดในไทยบริษัทจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก
“ดีทแฮล์มเป็นบริษัทที่ใหญ่ มีความแข็งแกร่งด้านการกระจายสินค้า แต่ก็เป็นบริษัทที่ใหญ่ สินค้าส่วนใหญ่เป็นคอนซูเมอร์โปรดักต์ แต่สินค้าแมทเทลเป็นของเล่น การที่ให้ผู้ที่มีประสบการณ์ และอยู่ในวงการนี้เฉพาะน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า”
นายอลัน กล่าวด้วยว่า ตลาดในภาคพื้นนี้ หรือประเทศไทยเอง แม้ว่ายังเป็นตลาดที่เล็ก แต่โอกาสเติบโตยังมีอีกมาก ส่วน ดิสทริบิวเตอร์ไทยอีกรายของแมทเทล คือ บริษัท วังเด็ก ก็ยังคงเป็นผู้จัดจำหน่ายอยู่เหมือนเดิม รับผิดชอบในส่วนของตลาดของเล่นเด็กเพื่อการศึกษาเท่านั้น
นายสุทธิชัย เอี่ยมเจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิชิเวิร์ล จำกัด ผู้ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายของเล่นเด็กรายใหญ่ในไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการแต่งตั้งจากแมทเทลให้เป็นผู้จัดจำหน่ายในตลาดประเทศไทยเท่านั้น โดยแบ่งเป็นสินค้าในกลุ่มของเล่นเด็กผู้หญิง ได้แก่ ตุ๊กตาบาร์บี้ และพอลลี่ พ็อคเก็ต ส่วนในกลุ่มของเล่นผู้ชาย ได้แก่ รถฮอทวีล ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เกม ได้แก่ เกมอูโน เกมสแครบเบิ้ล เกมพิคชันนารี เป็นต้น ในกลุ่มสินค้าลิขสิทธิ์ได้แก่ รถแข่งสปีดเรเซอร์ แบทแมน ซึ่งจะมีหนังเข้าฉายโรงหนังช่วงกลางปี
“เราตั้งใจจะให้ตุ๊กตาบาร์บี้ และรถฮอทวีล เป็นผลิตภัณฑ์กลยุทธ์ในการทำตลาดของเล่นเด็กในไทยปีนี้ ซึ่งจะมีการแบ่งเซ็กเมนต์ในการทำตลาดที่ชัดเจน”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการที่แมทเทลจะให้บริษัทเป็นฐานการผลิตสินค้าให้หรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทเคยผลิตของเล่นไม้ให้กับแมทเทล ขณะเดียวกัน แมทเทลเองก็มีฐานผลิตบางอย่างในไทยอยู่แล้วด้วย
บริษัทคาดหวังการร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีอัตราเติบโตปีนี้อยู่ที่ 40% โดยมาจากการเพิ่มไลน์สินค้าโดยเฉพาะแมทเทล และการขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมมากกว่านี้ทั้งที่มีแล้วและยังไม่มี โดยมีแผนจะขยายในช่องทางที่ยังไม่แข็งแกร่ง รวมทั้งปรับแผนการการขายสินค้า เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค จะเพิ่มช่องทางจำหน่ายในทุกด้านที่ขายของเล่นได้ ทั้ง ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ไฮเปอร์มาร์เก็ต คอนวีเนียนสโตร์ ตลาดค้าส่ง เป็นต้น
สำหรับปัญหาในภาพรวมของตลาดของเล่นเด็กนั้นไทยนั้น นายสุทธิชัย มองว่า เป็นเรื่องของภาษีนำเข้าที่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนด้วยกัน หรือบางประเทศไม่มีเก็บด้วยซ้ำไป เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ประมาณ 10% มาเลเซีย ต่ำกว่า 20% ด้าน สิงคโปร์ ไม่มีเก็บภาษีเลย ขณะที่ ประเทศไทย เก็บ 20% ทั้งๆ ที่จริงแล้วควรจะเหลืออยู่แค่ 5% จากข้อตกลงทางการค้าตั้งแต่ GAT และ WTO ที่ควรจะเหลือ 5% แต่ก็ยังไม่ได้ลดลงมา จึงทำให้ตลาดของเล่นเด็กไทยยังไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งสินค้านำเข้าจากจีนเป็นตลาดใหญ่กว่า 70-80% ทั้งนี้ ตลาดของเล่นเด็กผู้ชายยังเป็นตลาดที่ใหญ่กว่าประมาณ 60% ขณะที่สัดส่วนของเล่นเด็กผู้หญิงอยู่ที่ 40%
นายอลัน คอง ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท แมทเทล จำกัด ผู้ผลิตของเล่นเด็กรายใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัท แมทเทล ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายในการตั้งตัวแทนจำหน่าย หรือดิสทริบิวเตอร์ ในการทำตลาดและจัดจำหน่ายของเล่นเด็กของกลุ่มแมทเทลใหม่ จึงมีผลทำให้ในตลาดประเทศไทยนี้ แมทเทลได้แต่งตั้งให้บริษัท นิชิเวิร์ล จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหม่แทนรายเก่า โดยมีผลตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้ว
ทั้งนี้ ดิสทริบิวเตอร์รายเก่าของแมทเทลในไทย คือ บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายในไทยให้กับผลิตภัณฑ์ของแมทเทลมานานกว่า 11 ปี มีอันต้องยุติไปโดยปริยาย แม้ว่าที่ผ่านมาจะสามารถทำยอดขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ดีก็ตาม นายอลัน ให้เหตุผลว่า เนื่องจากว่าแมทเทลต้องการได้บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดของเล่นโดยเฉพาะ (Specialize) และเป็นบริษัทที่ไม่ต้องใหญ่โตมากก็ได้ โดยเป็นบริษัทท้องถิ่น ซึ่งน่าจะมีความเหมาะสมและทำตลาดได้เต็มที่มากกว่า เช่นเดียวกับในหลายประเทศที่ได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้วเช่นกัน โดยแต่งตั้งให้บริษัทท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดของเล่น โดยเฉพาะเป็นผู้จัดจำหน่าย โดยคาดว่า ตลาดในไทยบริษัทจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก
“ดีทแฮล์มเป็นบริษัทที่ใหญ่ มีความแข็งแกร่งด้านการกระจายสินค้า แต่ก็เป็นบริษัทที่ใหญ่ สินค้าส่วนใหญ่เป็นคอนซูเมอร์โปรดักต์ แต่สินค้าแมทเทลเป็นของเล่น การที่ให้ผู้ที่มีประสบการณ์ และอยู่ในวงการนี้เฉพาะน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า”
นายอลัน กล่าวด้วยว่า ตลาดในภาคพื้นนี้ หรือประเทศไทยเอง แม้ว่ายังเป็นตลาดที่เล็ก แต่โอกาสเติบโตยังมีอีกมาก ส่วน ดิสทริบิวเตอร์ไทยอีกรายของแมทเทล คือ บริษัท วังเด็ก ก็ยังคงเป็นผู้จัดจำหน่ายอยู่เหมือนเดิม รับผิดชอบในส่วนของตลาดของเล่นเด็กเพื่อการศึกษาเท่านั้น
นายสุทธิชัย เอี่ยมเจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิชิเวิร์ล จำกัด ผู้ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายของเล่นเด็กรายใหญ่ในไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการแต่งตั้งจากแมทเทลให้เป็นผู้จัดจำหน่ายในตลาดประเทศไทยเท่านั้น โดยแบ่งเป็นสินค้าในกลุ่มของเล่นเด็กผู้หญิง ได้แก่ ตุ๊กตาบาร์บี้ และพอลลี่ พ็อคเก็ต ส่วนในกลุ่มของเล่นผู้ชาย ได้แก่ รถฮอทวีล ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เกม ได้แก่ เกมอูโน เกมสแครบเบิ้ล เกมพิคชันนารี เป็นต้น ในกลุ่มสินค้าลิขสิทธิ์ได้แก่ รถแข่งสปีดเรเซอร์ แบทแมน ซึ่งจะมีหนังเข้าฉายโรงหนังช่วงกลางปี
“เราตั้งใจจะให้ตุ๊กตาบาร์บี้ และรถฮอทวีล เป็นผลิตภัณฑ์กลยุทธ์ในการทำตลาดของเล่นเด็กในไทยปีนี้ ซึ่งจะมีการแบ่งเซ็กเมนต์ในการทำตลาดที่ชัดเจน”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการที่แมทเทลจะให้บริษัทเป็นฐานการผลิตสินค้าให้หรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทเคยผลิตของเล่นไม้ให้กับแมทเทล ขณะเดียวกัน แมทเทลเองก็มีฐานผลิตบางอย่างในไทยอยู่แล้วด้วย
บริษัทคาดหวังการร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีอัตราเติบโตปีนี้อยู่ที่ 40% โดยมาจากการเพิ่มไลน์สินค้าโดยเฉพาะแมทเทล และการขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมมากกว่านี้ทั้งที่มีแล้วและยังไม่มี โดยมีแผนจะขยายในช่องทางที่ยังไม่แข็งแกร่ง รวมทั้งปรับแผนการการขายสินค้า เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค จะเพิ่มช่องทางจำหน่ายในทุกด้านที่ขายของเล่นได้ ทั้ง ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ไฮเปอร์มาร์เก็ต คอนวีเนียนสโตร์ ตลาดค้าส่ง เป็นต้น
สำหรับปัญหาในภาพรวมของตลาดของเล่นเด็กนั้นไทยนั้น นายสุทธิชัย มองว่า เป็นเรื่องของภาษีนำเข้าที่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนด้วยกัน หรือบางประเทศไม่มีเก็บด้วยซ้ำไป เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ประมาณ 10% มาเลเซีย ต่ำกว่า 20% ด้าน สิงคโปร์ ไม่มีเก็บภาษีเลย ขณะที่ ประเทศไทย เก็บ 20% ทั้งๆ ที่จริงแล้วควรจะเหลืออยู่แค่ 5% จากข้อตกลงทางการค้าตั้งแต่ GAT และ WTO ที่ควรจะเหลือ 5% แต่ก็ยังไม่ได้ลดลงมา จึงทำให้ตลาดของเล่นเด็กไทยยังไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งสินค้านำเข้าจากจีนเป็นตลาดใหญ่กว่า 70-80% ทั้งนี้ ตลาดของเล่นเด็กผู้ชายยังเป็นตลาดที่ใหญ่กว่าประมาณ 60% ขณะที่สัดส่วนของเล่นเด็กผู้หญิงอยู่ที่ 40%