xs
xsm
sm
md
lg

เฟอร์นิเจอร์กระอักน้ำมันจ่อขึ้น 8-15%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

" กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ " หวั่นสถานการณ์น้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง กลายเป็น"ลูกตุ้ม"กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และรุกลามไปถึงภาคอสังหาริมทรัพย์อาจจะชะลอพัฒนาโครงการใหม่ เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อตลาดเฟอร์นิเจอร์อย่างรุนแรง ล่าสุดผู้ผลิตวัตถุดิบได้ปรับขึ้นราคาขาย8-15% คาดหลังไตรมาสแรกทุกรายปรับราคาขายส่งและปลีกเฟอร์นิเจอร์อีก 5-10% หรืออาจสูงกว่านี้ หากราคาน้ำมันยังพุ่งต่อ ด้าน"อินเด็กซ์” ยันยึดกลยุทธ์ทำตลาดเดิมเน้นJoy Price เปิดตลาดใหม่ เล็งขยายช่องทางตลาดร่วมกับพันธมิตรโครงการจัดสรร

นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท บางกอกอินเตอร์เฟิร์น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ “อินเด็กซ์ ลีฟวิงมอลล์” เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง การปรับขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดเฟอร์นิเจอร์ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออกอย่างหนัก โดยเฉพาะปัจจัยการปรับขึ้นราคาน้ำมัน ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อต้นทุนการผลิต วัตถุดิบ และค่าขนส่งของผู้ประกอบการต่างๆ

โดยในส่วนของต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นนั้น จะมาจากราคาเชื้อเพลิงและค่าขนส่งที่สูงขึ้นตามการปรับขึ้นราคาน้ำมัน สำหรับต้นทุนที่ปรับตัวสูงที่สุดในช่วงนี้คือ ต้นทุนราคาวัตถุดิบ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ผู้ผลิตวัตถุดิบได้ปรับขึ้นราคาวัสดุ ที่เป็นส่วนประกอบในการผลิตเฟอร์นิเจอร์เฉลี่ยอีก 8-15% เช่น ราคาไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด และสีทาเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งการปรับราคาครั้งนี้ มีอัตราค่าเฉลี่ยที่สูงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

สำหรับ แนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ จะส่งผลต่อตลาดส่งออกเฟอร์นิเจอร์โดยตรง เนื่องจากสกุลเงินบาทมีการผูกติดกับเงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐฯ และที่ผ่านมาผู้ประกอบการขายเฟอร์นิเจอร์ในตลาดต่างประเทศเป็นเงินสกุลดอลลาร์ แต่ผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดในการส่งออก คือ ผู้ประกอบการที่ส่งออกไปสหรัฐฯเป็นตลาดหลัก เพราะขณะนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯกำลังได้รับผลกระทบจากสินเชื่อซับไพร์ม จนส่งผลให้สถาบันการเงินในประเทศสหรัฐฯมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อด้านที่อยู่อาศัย ทำให้อัตราการขยายตัวของตลาดอสังหาฯหดตัวลง รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคได้ปรับลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ยอดการซื้อขายเฟอร์นิเจอร์ซึ่งเป็นสินค้าเกี่ยวเนื่อง ได้รับผลกระทบโดยตรง ขณะเดียวกันผู้ส่งออกของไทยเมื่อแปลงรายได้จากเงินดอลลาร์มาเป็นในรูปของเงินบาท จะมีรายได้ลดลงตามอัตราแลกเปลี่ยน

ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาวัตถุดิบในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ในช่วงก่อนหน้านี้ จะเริ่มเห็นผลกระทบต่อผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ในช่วงหลังไตรมาสแรกของปี 2551 คาดว่า ผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ทุกรายจะมีการปรับตัว โดยการปรับราคาขายส่งและขายปลีกเฟอร์นิเจอร์เพิ่มขึ้นอีก 5-10% หรืออาจจะมากกว่านั้น หากสถานการณ์ทางด้านราคาน้ำมันมีแนวโน้มในช่วงขาขึ้น

“ผลกระทบต่อตลาดรวมในประเทศ คือ การขึ้นราคาน้ำมัน ราคาวัตถุดิบ ถือว่ากระทบแรงมาก ส่วนปัญหาอันดับรองลงมาคือ เรื่องค่าเงินบาทที่แข็งตัว ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกโดยตรง ส่วนปัญหาสินเชื่อซับไพร์มในสหรัฐฯนั้น จะกระทบโดยตรงต่อผู้ส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯมากว่าผู้ประกอบการที่ส่งออกในประเทศอื่นๆ”

***"อินเด็กซ์" ตั้งป้อมรับมือผลกระทบ

นายกิจจากล่าวว่า ผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้น ค่าขนส่ง ค่าเชื้อเพลิง และการแข็งค่าของเงินบาท ทางบริษัทเชื่อมั่นว่าจะยังคงสามารถรับมือกับปัญหาดังกล่าวได้ แต่สิ่งที่วิตกและกังวลคือ ราคาน้ำมัน ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ทั้งนี้ หากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงจะทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยลดลง และผลกระทบจะต่อเนื่องไปถึงการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการตามไปด้วย

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการมีการชะลอการพัฒนาโครงการจะทำให้ตลาดเฟอร์นิเจอร์หายไปบางส่วน โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยว คาดว่าในปีนี้ อัตราการขยายตัวจะยังอยู่ในระดับคงที่กับปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นราคาน้ำมันจะส่งผลดีต่อตลาดทาวน์เฮาส์ใกล้เมือง และโครงคอนโดมิเนียม ให้มีอัตราการขยายตัวเติบโตต่อเนื่องจากปี 2550 ซึ่งถือว่ายังตลาดที่อยู่อาศัยดังกล่าวจะเข้ามาเป็นตลาดทดแทนตลาดบ้านเดี่ยวที่หดตัวลง และเป็นช่องทางใหม่ของตลาดเฟอร์นิเจอร์ในประเทศด้วย

“เชื่อว่าในปีหนู การแข่งขันในตลาดเฟอร์นิเจอร์จะมีความรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการทุกรายต้องปรับตัว ทั้งในด้านการควบคุมต้นทุนการผลิต และการทำตลาด ซึ่งจะมีการร่วมมือกับระหว่างผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ และผู้ประกอบการจัดสรร โดยการขายพ่วงบ้านและเฟอร์นิเจอร์เพื่อลดต้นทุนด้านการตลาดของผู้ประกอบการด้วย”

สำหรับการทำตลาดของ อินเด็กซ์ในปี 2551 จะยังมีรูปแบบเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยมีการร่วมมือกับพันธมิตรผู้ประกอบการบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะซิตี้คอนโดฯ ซึ่งการขายสินค้าผ่านโครงการโดยตรงดังกล่าว บริษัทได้ตั้งทีมงานที่ดูแลโดยเฉพาะ พร้อมทั้งมีทีมช่างและทีมออกแบบ(ดีไซน์เนอร์)เพื่อพัฒนาแบบของสินค้าให้เหมาะสมกับพื้นที่ภายในห้องชุดของแต่ละโครงการโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ จะยังคงใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเดิม คือ 4 Joy ได้แก่ Joy Price, Joy Design, Joy Quality และ Joy Service ในการผลักดันให้เกิดการขยายตัวของตลาดรวม ซึ่งในการสร้างตลาดใหม่นั้น จะเน้นให้เกิดการใช้สินค้าทดแทน คือ การผลักดันให้สินค้าน็อคดาวน์เข้าไปทดแทนเฟอร์นิเจอร์บิวด์อิน ที่มีอยู่ในบ้านเรือนเดิมของลูกค้า โดยอาศัยระบบอุตสาหกรรมเข้ามาช่วยในการผลิต ซึ่งสินค้าน็อคดาวน์นี้ จะได้เปรียบในเรื่องของจำนวนการผลิตที่สูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆทำให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น