“หมอเลี้ยบ” วางมือด้านธุรกิจ มุ่งการเมืองเต็มที่ ปรับผังบอดี้เชพใหม่ พร้อมส่งลูกสาวชิมลางธุรกิจในเครือ ล่าสุด “คริสตี้ ฟรองซ์” หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของบอดี้เชพ ลั่นกลองรบ เรียกลูกค้าห่วงสวยเป็นรายแรกในตลาดสลิมมิ่ง หลังปีที่ผ่านมา มีการเติบโตถึง 2 เท่า
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ก่อตั้ง บริษัท บอดี้เชพ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (จำกัด) ผู้ให้บริการด้านการลดน้ำหนัก และกระชับสัดส่วน เปิดเผยว่า ช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมา บอดี้เชพได้มีการปรับผังการทำงานใหม่ โดยเฉพาะตน ถือว่าขณะนี้ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในบริษัทอีกต่อไป จากเดิมที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้เข้ามาทำหน้าที่ทางการเมืองอย่างเต็มที่ โดยให้ นางปราณี สืบวงศ์ลี ขึ้นมาทำหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดูแล บอดี้เชพ ต่อไป
ขณะเดียวกัน ในปีนี้ ลูกสาวคนโต คือ นางสาวณิชา สืบวงศ์ลี ได้เข้ามาร่วมบริหารธุรกิจด้วย โดยจะดูแลการจัดการด้านคอมพิวเตอร์ไอที ตามที่ได้สำเร็จการศึกษามา สำหรับ ปราณลี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจด้านสปาของบอดี้เชพ มีแผนทำตลาดในต่างประเทศ เช่น ประเทศฝรั่งเศสด้วยในปีนี้ หลังจากที่ปลายปีที่ผ่านมาเริ่มจำหน่ายสินค้าผ่านทางสาขาของปราณลี ร้านวัตสัน และท็อปส์ ส่วน บริษัท คริสตี้ ฟรองซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ บอดี้เชพ ได้มอบหมายให้ นางฐิตาภรณ์ นาคศรี ผู้จัดการทั่วไป เข้ามาดูแลอย่างเต็มที่
นางฐิตาภรณ์ นาคศรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คริสตี้ ฟรองซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจความงามเกี่ยวกับสลิมมิ่ง มีอัตราการเติบโตถึง 150% ขณะที่ คริสตี้ ฟรองซ์ มีอัตราการเติบโกว่า 200% หรือประมาณ 2 เท่าจากยอดรายได้ในปี 2549 ซึ่งการเติบโตดังกล่าวมาจากกลุ่มเป้าหมายในระดับ บีลบ ลงมา อายุ 30-45 ปี ที่สามารถจ่ายค่าบริการได้ที่ระดับ 30,000-50,000 บาท ซึ่งถือเป็นช่องว่างของตลาด บวกกับจำนวนสาขา 31 สาขา ที่ถือว่ามีมากที่สุด และครอบคลุมทั่วประเทศ ในกลุ่มสลิมมิ่งขณะนี้
ดังนั้น การทำตลาดในปีนี้ บริษัทจะเน้นขยายสาขามากยิ่งขึ้น โดยยังคงเป็นในลักษณะของแฟรนไชส์ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนสาขาถึง 60 สาขาให้ได้ ล่าสุด สิ้นเดือน ม.ค.นี้บริษัทจะเปิดตัวสาขาใหม่อีกประมาณ 5 สาขา โดยงบประมาณการลงทุนอยู่ที่ 2-2.5 ล้านบาท ต่อสาขา พื้นที่อย่างน้อย 80 ตารางเมตร แบ่งเป็นค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ 600,000 บาท ค่าเครื่องมือ 4 รายการ 925,000 บาท ค่าการตลาดต่อเดือน 10,000 บาท โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมรายเดือน (Royalty Fee) 5 ปี
บริษัทได้เตรียมงบประมาณไว้กว่า 10 ล้านบาท มุ่งเน้นกิจกรรมทางการตลาดเฉพาะสาขา รวมทั้งการออกบูธ ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทั่วประเทศ และเจาะเฉพาะท้องถิ่น การทำโค-โปรโมชัน ร่วมกับองค์กรต่างๆ อาทิ ธนาคาร สำหรับให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังใช้กลยุทธ์ พรีเซ็นเตอร์ เข้ามาช่วยอีกทางหนึ่ง คือ แต่งตั้ง “ซีแนม AF1” อดีตสาวเจ้าเนื้อแห่งบ้านเอเอฟ อคาเดมี่ แฟนเทเชีย และนางสาววาสนา พูนผล ที่จะเป็นพรีเซ็นเตอร์คนต่อไป ที่จะเข้ามาใช้บริการของ คริสตี้ ฟรองซ์
ปัจจุบัน คริสตี้ ฟรองซ์ เข้าสู่ปีที่ 5 โดยให้บริการ 2 ส่วน คือ การลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วน กับการดูแลผิวพรรณ แก้ปัญหาริ้วรอย มีทั้งหมด 31 สาขา ทั้งในรูปแบบ สแตนอโลน 22 สาขา และภายในศูนย์การค้า 9 สาขา ขณะเดียวกัน ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น สาขาในกรุงเทพฯ 10 สาขา และต่างจังหวัด 21 สาขา โดยทั้ง 31 สาขานี้ มีอยู่ 2 สาขาที่บริษัทบริหารเอง
นางฐิตาภรณ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าจำนวนสาขาของคริสตี้ ฟรองซ์ จะมีมากสุดของกลุ่มธุรกิจในเครือบอดี้เชพ แต่ทางด้านสัดส่วนรายได้ของคริสตี้ ฟรองซ์ ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 30-40% ของรายได้รวมบอดี้เชพทั้งหมด
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ก่อตั้ง บริษัท บอดี้เชพ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (จำกัด) ผู้ให้บริการด้านการลดน้ำหนัก และกระชับสัดส่วน เปิดเผยว่า ช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมา บอดี้เชพได้มีการปรับผังการทำงานใหม่ โดยเฉพาะตน ถือว่าขณะนี้ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในบริษัทอีกต่อไป จากเดิมที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้เข้ามาทำหน้าที่ทางการเมืองอย่างเต็มที่ โดยให้ นางปราณี สืบวงศ์ลี ขึ้นมาทำหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดูแล บอดี้เชพ ต่อไป
ขณะเดียวกัน ในปีนี้ ลูกสาวคนโต คือ นางสาวณิชา สืบวงศ์ลี ได้เข้ามาร่วมบริหารธุรกิจด้วย โดยจะดูแลการจัดการด้านคอมพิวเตอร์ไอที ตามที่ได้สำเร็จการศึกษามา สำหรับ ปราณลี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจด้านสปาของบอดี้เชพ มีแผนทำตลาดในต่างประเทศ เช่น ประเทศฝรั่งเศสด้วยในปีนี้ หลังจากที่ปลายปีที่ผ่านมาเริ่มจำหน่ายสินค้าผ่านทางสาขาของปราณลี ร้านวัตสัน และท็อปส์ ส่วน บริษัท คริสตี้ ฟรองซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ บอดี้เชพ ได้มอบหมายให้ นางฐิตาภรณ์ นาคศรี ผู้จัดการทั่วไป เข้ามาดูแลอย่างเต็มที่
นางฐิตาภรณ์ นาคศรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คริสตี้ ฟรองซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจความงามเกี่ยวกับสลิมมิ่ง มีอัตราการเติบโตถึง 150% ขณะที่ คริสตี้ ฟรองซ์ มีอัตราการเติบโกว่า 200% หรือประมาณ 2 เท่าจากยอดรายได้ในปี 2549 ซึ่งการเติบโตดังกล่าวมาจากกลุ่มเป้าหมายในระดับ บีลบ ลงมา อายุ 30-45 ปี ที่สามารถจ่ายค่าบริการได้ที่ระดับ 30,000-50,000 บาท ซึ่งถือเป็นช่องว่างของตลาด บวกกับจำนวนสาขา 31 สาขา ที่ถือว่ามีมากที่สุด และครอบคลุมทั่วประเทศ ในกลุ่มสลิมมิ่งขณะนี้
ดังนั้น การทำตลาดในปีนี้ บริษัทจะเน้นขยายสาขามากยิ่งขึ้น โดยยังคงเป็นในลักษณะของแฟรนไชส์ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนสาขาถึง 60 สาขาให้ได้ ล่าสุด สิ้นเดือน ม.ค.นี้บริษัทจะเปิดตัวสาขาใหม่อีกประมาณ 5 สาขา โดยงบประมาณการลงทุนอยู่ที่ 2-2.5 ล้านบาท ต่อสาขา พื้นที่อย่างน้อย 80 ตารางเมตร แบ่งเป็นค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ 600,000 บาท ค่าเครื่องมือ 4 รายการ 925,000 บาท ค่าการตลาดต่อเดือน 10,000 บาท โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมรายเดือน (Royalty Fee) 5 ปี
บริษัทได้เตรียมงบประมาณไว้กว่า 10 ล้านบาท มุ่งเน้นกิจกรรมทางการตลาดเฉพาะสาขา รวมทั้งการออกบูธ ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทั่วประเทศ และเจาะเฉพาะท้องถิ่น การทำโค-โปรโมชัน ร่วมกับองค์กรต่างๆ อาทิ ธนาคาร สำหรับให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังใช้กลยุทธ์ พรีเซ็นเตอร์ เข้ามาช่วยอีกทางหนึ่ง คือ แต่งตั้ง “ซีแนม AF1” อดีตสาวเจ้าเนื้อแห่งบ้านเอเอฟ อคาเดมี่ แฟนเทเชีย และนางสาววาสนา พูนผล ที่จะเป็นพรีเซ็นเตอร์คนต่อไป ที่จะเข้ามาใช้บริการของ คริสตี้ ฟรองซ์
ปัจจุบัน คริสตี้ ฟรองซ์ เข้าสู่ปีที่ 5 โดยให้บริการ 2 ส่วน คือ การลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วน กับการดูแลผิวพรรณ แก้ปัญหาริ้วรอย มีทั้งหมด 31 สาขา ทั้งในรูปแบบ สแตนอโลน 22 สาขา และภายในศูนย์การค้า 9 สาขา ขณะเดียวกัน ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น สาขาในกรุงเทพฯ 10 สาขา และต่างจังหวัด 21 สาขา โดยทั้ง 31 สาขานี้ มีอยู่ 2 สาขาที่บริษัทบริหารเอง
นางฐิตาภรณ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าจำนวนสาขาของคริสตี้ ฟรองซ์ จะมีมากสุดของกลุ่มธุรกิจในเครือบอดี้เชพ แต่ทางด้านสัดส่วนรายได้ของคริสตี้ ฟรองซ์ ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 30-40% ของรายได้รวมบอดี้เชพทั้งหมด
