ไชน่า อิโคโนมิค – รายงานจากนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่าธุรกิจด้านความสวยความงามกำลังกลายเป็นตัวดูดเงินจากผู้บริโภคที่อาศัยในเมืองใหญ่และเมืองตามแนวชายฝั่ง โดยมีเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางตุ้ง เจียงซูที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุด ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชี้เป็นช่วงเวลาเหมาะที่ทุนต่างชาติจะเริ่มเข้ามาแข่งขันตลาดนี้
ปัจจุบันธุรกิจด้านความงามในจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการออก “รายงานเศรษฐกิจด้านความงามของจีนประจำปี” ที่มีนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง 4 คนอย่างเหอฟาน ปาสู่ซง จงเหว่ย และเจ้าเสี่ยวร่วมทำนั้นได้ชี้ว่าธุรกิจความงามได้กลายมาเป็นธุรกิจร้อนแรงอันดับ 5 ของจีนสำหรับผู้บริโภครองจากอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ท่องเที่ยว และอุปกรณ์สื่อสาร
โดยจากสถิติพบว่า ธุรกิจด้านความงามมีการเติบโตอย่างรวดเร็วถึงปีละ 30% ในปี 2005 มูลค่าของธุรกิจความงามในจีนอยู่ที่กว่า 400,000 ล้านหยวน ซึ่งตัวเลขนี้จัดเป็นอันดับ 8 ของโลก ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียก็เป็นรองแค่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนในปี 2006 เพียงแค่ธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับความงามก็มีมูลค่าที่มากถึง 200,000 ล้านหยวนแล้ว ซึ่งตัวเลขนี้คาดว่าจะเพิ่มอีกเท่าตัวภายในระยะเวลา 5 ปี
กลุ่มบุคคลที่เป็นผู้บริโภคหลักในธุรกิจประเภทนี้มักกระจุกตัวอยู่ตามเมืองใหญ่และเขตตามแนวชายฝั่ง โดยนายหวังอิ๋งชุน ผู้จัดการใหญ่บริษัทสารสนเทศจงไป่เสียถง (ปักกิ่ง) ได้เปิดเผยว่า เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เจียงซู กว่างตง (กวางตุ้ง) เจ้อเจียง และซันตง มียอดขายเครื่องสำอางคิดเป็น 55% ของทั่วประเทศ โดยมีเซี่ยงไฮ้มาเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 12% รองลงมาเป็นปักกิ่ง 11% ตามด้วยเจียงซูและกวางตุ้งที่มีสัดส่วนเท่ากันที่ 9% โดยมีการชี้ว่าสำหรับผู้หญิงทำงานในเซี่ยงไอ้ แต่ละวันจะใช้สินค้าด้านความงามประมาณ 8 อย่างอาทิลิปสติก อายแชโดว์ โลชั่นบำรุงผิว ไนท์ครีม เป็นต้น
ด้านคุณหม่าย่า ประธานสมาคมธุรกิจเครื่องสำอางและความงามของจีนได้เปิดเผยว่า แม้ว่าว่าธุรกิจด้านความงามของจีนจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ผู้ประกอบการด้านความงามของจีนจะลดลง เนื่องจากบรรดาพวกที่ทำเครื่องสำอางเลียนแบบเริ่มจะหายไป ในขณะที่วิสาหกิจที่มีคุณภาพและล้ำยุคกำลังขยายตัวเข้ามาแทนที่ช่องว่างในตลาดเหล่านั้น
อย่างไรก็ตามหม่าได้ชี้ว่า แม้จีนจะมีขนาดธุรกิจที่ใหญ่ มีแบรนด์สินค้าความงามที่หลากหลาย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศแล้ว ธุรกิจด้านความงามของจีนยังจัดว่าขาดศักยภาพในการแข่งขันอันเนื่องมาจากขาดแคลนบุคลากร และการบริหารจัดการธุรกิจที่ดีพอ
นอกจากนั้น จากการที่นโยบายควบคุมทุนต่างชาติในการเข้าสู่ธุรกิจความงามเริ่มผ่อนเพลาลงมาก ทำให้ธุรกิจต่างชาติเริ่มเตรียมทดลองที่จะบุกเข้าตลาดจีนมากขึ้น ซึ่งช่วงเวลานี้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดี และการเข้ามาของทุนต่างประเทศนั้นก็จะทำให้เกิดการแข่งขันในด้านบวกขึ้น
ทั้งนี้ งานแสดงสินค้านานาชาติ ประเภทเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ความงามที่ใหญ่ที่สุดของโลก คอสโมพรอฟ เอเชีย (COSMOPROF ASIA)ที่จะจัดขึ้นวันที่ 15-17 ม.ค.ในเซี่ยงไฮ้ จะมีบริษัท 340 บริษัทจาก 20ประเทศที่จำเอาสินค้าชั้นนำเข้ามาร่วมจัดแสดง โดยมีหลายๆประเทศที่ตั้งเป้าจะเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งเค้กธุรกิจประเภทนี้ในแดนมังกร